สองวันก่อน
แมวดื้อคุยกับหวาานใจ
แล้วก็บ่นๆ ว่าทำไมพอคุยโทรศัพท์กลางคืนแล้วชอบง่วง
ไม่ยอมคุย
หวานใจก็เลยสวนกลับมาว่า
ก็หวานใจต้องตื่นเช้าไง
ไม่เหมือนแมวดื้อที่ตื่นสาย
แล้วงานก็ยุ่งมากด้วย
งานที่หอบหิ้วจากที่ทำงานมา
พอจะทำตอนกลางคืน
มันก็ง่วงซะก่อน
แล้วก็งอนๆ กันไป
แมวดื้อเคยคิดนะ
ว่าทำไมหลายๆ คน
มีงานล้นมือ hobby อีกมากมาย
ทำไมเค้าถึงทำให้ทุกอย่างดีไปพร้อมๆ กันได้
ทั้งๆ ที่มีเวลาเท่ากับเราทุกคน
ก็เลยลองค้นข้อมูลดู
มีเป็นทฤษฎีมากมาย
เรียกว่าศึกษากันอย่างจริงจัง
หลายๆ อย่างเอามาประยุกต์กับชีวิตประจำวันได้เลย
ถ้าให้เขียนทั้งหมดนี่กลายเป็นหนังสือได้เลย
หยิบมาบางส่วนแล้วกันนะ
Contemporary Time Management
Reminder -> Setting Goal -> Planing -> Being Efficient and Proactive
Resistors
Fear of change
Uncertainty
Lack of time
Lack of will power
Drivers
Increased effectiveness
Performance improvement
Personal development
Increased responsibilities
Pareto analysis
This is the idea that 80% of tasks can be completed in 20% of the disposable time. The remaining 20% of tasks will take up 80% of the time.
Multitasking
เรื่องนี้น่าสนใจมาก มีการทดลองหลายแบบ
เช่น
มีงานอยู่สองอย่าง
กลุ่มแรกให้ทำงานอย่างที่ 1 เสร็จก่อน แล้วค่อยทำงานที่ 2
กลุ่มที่สอง ให้ทำงานยังไงก็ได้ ไม่จำเป็นต้องงานอย่างแรกเสร็จแล้วค่อยทำงานที่ 2
ผลที่ได้ก็คือ กลุ่มแรกทำงานเสร็จก่อน
ซึ่งมีข้ออธิบายว่า
ในช่วงที่เปลี่ยนการทำงาน (เปลี่ยนประเภท หรือเปลี่ยนกิจกรรม)
สมองจะต้องกลับไปเริ่มต้นคิดใหม่
อย่างเช่น หากใครเขียนบล๊อค/ไดอารี่อยู่
แล้วไปอ่านกระทู้
กลับมาเขียนอีกที
ต้องมานั่งอ่าน แล้วก็คิดใหม่
ไม่เหมือนกับเขียนรวดเดียวจบ มันลื่นไหลกว่า จริงไหม
แบบเดียวกันเลย
นอกจากนี้ยังมีตัวแปรที่เรียกว่า complementary stages และ rule activation อีก
ชอบอันนี้นะ แบบว่าเห็นด้วยเลย
Complementary stages
“I want to do this now instead of that“
Rule activation
“I’m turning off the rules for that and turning on the rules for this“
= วันนี้ คุณมีเวลาเพียงพอแล้วหรือยัง =
^_______________________^
ก็เค้าง่วงนี่ วันนี้ก็ยังไม่ได้ทำตามแพลนอยู่ดีเห้อ