Sunday fine day: 10 Feb 2008

วันนี้รู้สึกเป็นวันหยุดจริงๆ
ตื่นตั้งแต่ 6 โมง
เช้ากว่าวันทำงานอีก เหอ..เหอ
อาบน้ำ แต่งตัว
เอากล้องใส่เป้
ออกจากบ้าน
ไปไหนดีหล่ะ
เอิ้ก..เอิ้ก
รู้แค่ว่า ไม่อยากอยู่บ้าน เปิดคอม เล่นเนทอยู่เฉยๆ
มีงานรับปริญญาของนู๋เมย์ ที่ศูนย์ประชุมฯ
แต่ไม่อยากไปตั้งแต่ไก่โห่ ญาติก็ไม่ใช่ แฟนก็ไม่ใช่ รีบไปทำไมกัน

คิดไปคิดมา
แวะ 7/11 ซื้ออะไรรองท้องก่อน
จากนั้นก็นั่งรถสองแถวไปถึงถนนจันทน์
ไปไหนต่อดีหว่า
ว่าแล้ว รถเมล์สาย 1 ผ่านมา ก็รีบขึ้นรถไปเลย
หยิบไอโฟนเสียบหูฟัง
อากาศเย็นๆ รถไม่ติดให้อารมณ์เสีย
ดีเหมือนกัน
สาย 1 วิ่งไปตามถนนเจริญกรุง
ผ่านตลาดน้อย.. ที่ที่มีความจำดีๆ แถวนี้เยอะ
เยาวราช.. เห็นวัดตรงหัวมุม น่าถ่ายรูปมั่กๆ เพิ่งจะมีงานตรุษจีนหมาดๆ ยังมีกลิ่นไอของเทศกาลหลงเหลืออยู่
คลองถม.. มีของที่แพลนว่าต้องมาซื้อเยอะเลย แต่ยังเช้าอยู่ ไม่ลงดีกว่า
สะพานเหล็ก.. ตอนเด็กๆ เคยใส่ชุดนอนมาซื้อเกมตั้งแต่เช้า หลายสิบปีแล้วเนอะ 😛
วังบูรพา.. แถวนี้เมื่อก่อนเดินบ่อยมาก มีอะไรให้เดินได้เป็นวันๆ

กำลังเพลิดเพลินกับสถานที่ต่างๆ กับความทรงจำอยู่เพลินๆ
ก็มีนักเรียนนายร้อยขึ้นรถเมล์มากับเพื่อนสาว
ให้ตายสิ
ระเบียบเป๊ะๆ นั่งหลังตรง นิ่งมาก เท่มากเพ่
แต่สงสารเพื่อนสาวฟร่ะ ต้องนั่งหลังตรง นิ่งตามไปด้วย
ไม่รู้ว่านิสัยเป็นแบบนี้ หรือว่าต้องทำตัวให้เข้ากับแฟน
เห็นแล้วอดขำไม่ได้
แมวดื้อกับหวานใจหน่ะเหรอ นิสัยคนละขั้วเล้ย…

หลังจากแอบเม้าท์ (ในใจ) ไปพักนึง
รถเมล์สาย 1 ก็พาแมวดื้อมาถึงท่าเตียน
ด้วยร่างกายไวกว่าสมอง แมวดื้อก็ลงจากรถเมล์เป็นที่เรียบร้อย
ลงมาเสร็จก็อึ้ง
ตรูจะไปไหนต่อฟร่ะเนี่ย
มองไปทางไหน ก็เห็นแต่วัด
ในหัวปิ๊งออกมาอย่างแรก
ไปไหว้พระก็ดีเหมือนกัน
ไหว้พระ 9 วัด อะไรทำนองนี้
ไม่ต้องถึง 9 วัดก็ได้
ว่าแล้วก็ไปกันเลย
ถ้าจำไม่ผิด เค้าไปกันที่ศาลเจ้าพ่อเสือกัน
เหมือนจะไม่เคยไป ลองไปดูแล้วกัน
หลังจากเดินสูดอากาศดีๆ ตอนเช้า ฟังเพลงผ่านไอโฟน จากท่าเตียนมาจนถึงท่าช้างแล้ว
ก็งงอีก
ไม่ได้มาแถวนี้นาน ไปยังไงต่อฟร่ะ
ถ้าเข้าซอยนี้ไปท่าพระจันทร์ ก็ไม่มีวัดอะไรนี่นา
เดินไปทางวัดพระแก้วแล้วกัน
โทรไปหาน้องลูกพรุนว่า ศาลเจ้าพ่อเสืออยู่ตรงไหน
น้องลูกพรุนบอกอยู่คนละทางแล้วเพ่… แปร่วววว

ก็คุ้นๆ ว่าใกล้ๆ วัดพระแก้วมีนี่นา
ระหว่างทางกดชัตเตอร์ไปเรื่อยๆ
process แบบ lomo ดู (จริงๆ ต้นฉบับมันเน่าอ่ะ ฮ่า..ฮ่า)


นกพิราบเต็มไปหมด


รถ (ราง) รอบเกาะรัตนโกสินทร์


ครอบครัวนี้ ซื้ออาหารจากคนที่เดินขายอยู่รอบสนามหลวง เลี้ยงนกอยู่นานมาก

เดินมาจนถึงทางแยก
ก็ถึงบางอ้อ
ตรงนี้ ไม่ใช่ศาลเจ้าพ่อเสือ แต่เป็นศาลหลักเมืองต่างหาก
อ้าย..อาย ฮ่า..ฮ่า
มาแล้วก็แวะไหว้สักนิดก็แล้วกัน
คนอื่นเค้าใส่เสื้อดำกัน เพราะมาร่วมลงนามฯ กัน
แมวดื้อใส่เสื้อสีน้ำเงินมาเลย รีบๆ ไหวแล้วก็เดินทางต่อ

หลังจากเดินลัดเลาะ ตามเส้นทางที่แม่ค้าบอก
ก็มาโผล่ที่หลังกระทรวง.. ที่นี่เคยเดินเลือกกีต้าร์เป็นวันๆ
เลี้ยวซ้าย แล้วก็เลี้ยวขวา เลี้ยวไปเลี้ยวมา รองเท้าเจ้ากรรมก็ดันมากัดซะนี่ เลือดออกซิบๆ
ตายหล่ะ เพิ่งจะ 8 โมงกว่า ยังไม่ได้ไปไหนเลย เจ็บเท้าจะซะแล้ว
เดินหา 7/11 แล้วแวะซื้อถุงเท้าทันที
ถุงเท้าที่มี ดันเป็นถุงเท้าแบบ business อีก บางยังกะถุงน่อง มันจะช่วยได้ไหมเนี่ย – -”
เอาฟร่ะ ซื้อมาแล้ว เอาทิชชู่พันรอบแผลไว้ แล้วใส่ถุงเท้าไป มันก็พอช่วยได้แหละ

เดินต่อมาจนถึงวัดมหรรณพารามวรวิหาร
แล้วก็เป็นทางแยก ซ้ายหรือขวาดี
เปิดไอโฟน เข้า Maps เลย เคย bookmark ศาลเจ้าพ่อเสือไว้แล้ว



เข้าไม่ได้


เฮ่อ.. หมดสิทธิ์ สงสัย GPRS ไม่แรง ไม่ก็มีปัญหา เพราะเข้าเว็บก็ไม่ได้เหมือนกัน
ระหว่างที่เริ่มหงุดหงิด ตาก็เหลือบไปเห็นป้ายของกทม. บอกทางไว้ วัดโน้นวัดนี่ สถานที่ต่างๆ
อืม.. ได้ประโยชน์เลย ขอบคุณผู้ว่าฯ เน้อ
พอเดินกระโผลกกระเผลกไปจนถึงศาลเจ้าพ่อเสือ
โห… คนอย่างกะมด.. แน่นมาก
ยืนไหว้ข้างนอกก็แล้วกันนะ
อากาศเริ่มร้อน ไปไหนต่อดีหล่ะ
อ๊ะ.. เห็นป้าย ทางไปเสาชิงช้า
งั้นไปนั่งร้านมนต์นมสดเย็นๆ ดีกว่า
ไหนลองโทรหาหวานใจสิ


เงียบ.. ไม่รับ
ok อาจยังไม่ตื่น

เดินไปถึงร้านมนต์
โอ้ว..แม่เจ้า ร้านปิด
ปิดตรุษจีน 8-10 ก.พ.
ซวยจริงๆ
เริ่มร้อนแล้ว ทำไงดี
เอาฟร่ะ หาร้านประจำ สมัยที่เคยมาเรียนที่สงวนนี่แล้วกัน
เย็นตาโฟ เจ้าเก่า ยังขายอยู่เลย
เริ่มจากเย็นตาโฟ + ปอเปี๊ยะสด
แอบกินโค้ก (ธรรมดา) ดับความร้อนไปขวดนึง
OK
เริ่มตึงๆ เดินออกมาทางศาลาว่าการฯ
เห็นปาท่องโก๋
ก็แวะชิมอีก เอิ้ก..เอิ้ก
ปาท่องโก๋รสหวาน รสเค็ม กินกับแยม นม สุดยอดมั่กๆ

เดินมาจนถึงป้ายรถเมล์ เอาไงดีหล่ะ
วัดก็อยู่คนละทางแล้ว จะเดินข้ามไปวัดสุทัศน์ แล้วไปสวนสาธารณะข้างเรือนจำดีไหมนะ
ปอ. สาย 12 ผ่านมาพอดี
ร่างกายไวกว่าความคิด (อีกแล้ว)
แมวดื้อก็กระโดดขึ้นไปเรียบร้อย
จุดหมายปลายทาง (ที่คิด ณ ตอนนั้นคืออนุสาวรีย์ชัย)
โทรหาหวานใจ อีกหลายรอบ
ก็ไม่ติด
เอาไงดีหว่า
นั่งชมทิวทัศน์ไปพลางๆ หวานใจก็โทรกลับมา
หวานใจ “งอน” ที่ไม่ยอมชวน เอิ้ก..เอิ้ก
แล้วก็คุยเรื่องกล้อง ที่หวานใจแอบไปซื้อมาแล้วตั้งแต่เมื่อวาน
แมวดื้อยังคิดอยู่เลยว่า วันนี้จะต้องพาหวานใจไปซื้อกล้องแน่ๆ สรุป.. ไปซื้อมาแล้ว เหอ..เหอ
หวานใจต้องถ่ายรูปขวด M150 ใครว่าถ่าย product ง่าย จริงๆ มันมีปัจจัยเยอะมาก
หวานใจขอเวลาถ่ายรูปทำงานก่อน
แมวดื้อก็มาถึงอนุสาวรีย์เรียบร้อยแล้ว

สายๆ ขนาดนี้ ยังนึกไม่ออกว่าจะไปไหนดี
เลยลองเดินไปห้าง century
เมื่อก่อนเคยอยู่อพาร์ตเม้นท์ซอยรางน้ำ พอออกปุ๊บ เค้าก็มาสร้างเลย 😛
ตั้งแต่เปิด ก็ไม่เคยมาสักครั้ง ลองเดินเล่นดูแล้วกัน
อืม.. ก็เหมือน major cineplex ทั่วไปนะ
โดนไล่ออกจากร้านหนังสือด้วย
สาเหตุจากเป้ (กล้อง) เค้าบอกให้ฝาก เราก็บอกว่าเป็นเป้กล่อง มันแพงมาก ไม่ฝากหรอก
ทางร้านก็ไม่ยอม ก็เลยเดินออกมาเลย ว่าจะซื้อหนังสืออยู่แล้วเชียว
ไม่ง้อก็ได้
สิบโมงกว่า ส่ง sms ไปบอก (แฟน) นู๋เมย์ว่าคงไม่ได้ไปงานรับปริญญาแล้ว
เหตุจากเหงื่อโทรมกาย เกรงว่าจะไม่เหมาะ
รองเท้าก็ยังกัดไม่เลิก
ได้ sms ตอบกลับมา ไม่เป็นไร ก็ใจชื้นหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าผิดนัด
จากนั้นก็นั่ง BTS มารอหวานใจที่ McCafe’
วันอาทิตย์นี้ มี meeting TIC ที่ McCafe’ ด้วย เลยมาดูสถานที่เล็กน้อย
Mocha Chip Frappe
เมนูที่พนักงานแนะนำ
ใช้ได้เลย

หวานใจมาถึงตอนเที่ยงกว่า แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตแบบคนเมือง
เดินห้าง กิน junk food shopping
ไว้มีโอกาส จะไปเที่ยวแบบบ้านๆ อีก
ไปด้วยรถเมล์ no BTS/MRT
กินข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยวข้างทาง
แบบนี้ก็มีความสุขได้

หนังสือที่จะซื้อในร้านหนังสือ
“คนเดียวก็เที่ยวได้”
เรื่องราวการเดินทางเที่ยวในกทม.และปริมณฑล
ไปแบบบ้านๆ ไม่ไฮโซ แต่ได้สิ่งที่เรียกว่า “วิถีชีวิต” ที่ไม่ใช่ “คนเมือง” ใช้กันเท่าไหร่นัก
ถ้าซื้อหนังสือเล่มนี้มาแล้ว ไว้มาเล่าให้ฟังอีกที