วันนี้ไปงาน WordCamp Bangkok 2008 มาด้วย
จากการที่ติดตามข่าวคราวผ่าน twitter มาโดยตลอด
เอิ้ก..เอิ้ก
ตอนนี้ข่าวสารต่างๆ แทบจะมาจาก twitter เกือบทั้งหมดเลย
ข่าวสารรอบตัว feed ต่างๆ หรือแม้แต่ blog update ก็ดูจาก twitter นี่แหละ
แต่หลังๆ มานี่ ชอบอ่านมากกว่า tweet ซะเอง
เห็นทะเลาะกันเรื่องการเมืองผ่าน twitter แล้วเบื่อมาก
unfollow บุคคลเหล่านั้นไปแทบทั้งหมด
คือทั้งเว็บ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ก็มีแต่การเมืองฝังหัวอยู่ตลอดแล้ว
ขอเว้น twitter ไปบ้างเหอะ ได้โปรด
อ้าว.. ว่าจะเขียนถึง wordcamp bangkok 2008
พล่ามซะยาวเลย
งานนี้อยากไปตั้งแต่รู้ว่าจะจัดขึ้นมา
โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าจะมีเนื้อหาอะไรบ้าง
แค่ชอบ wordpress
แล้วก็คิดว่า คนที่ไปงานนี้ (หรืออยากไป) ก็น่าจะคิดคล้ายๆ กัน
ไปถึงงานตามตารางเวลาเป๊ะ
คนแรกที่เห็น (แล้วรู้จัก) ก็คงเป็น iannnnn (iannnnn.com)
ได้ยินเสียงกระซิบจากแถวที่ลงทะเบียนถามกันใหญ่เลยว่า ใช่หรือเปล่า
ดังใหญ่แล้ว ฮ่า..ฮ่า
แล้วสักพักก็เจอพี่ๆ น้องๆ จาก twitter
ที่ผ่านตาตัวอักษรมาก็หลายท่าน
คงต้องเรียกว่าผ่านตา เพราะบางคน แอบไป follow แต่ก็ไม่เคยคุยแม้แต่ครั้งเดียว
สนุกดีเหมือนกัน
ประมาณว่างานนี้ ใครมีโจทก์ใน twitter ก็ตามตัวได้ไม่ยาก อิอิ
วันนี้เหล่า blogger ที่ไปงานนี้ ก็คงเขียนถึงงานนี้กัน
รอไปอ่านอย่างเดียว ไม่อัพรูป ฮ่า..ฮ่า
ในช่วงเช้ามีประเด็นที่น่าสนใจหลายเรื่อง
เช่นให้คนที่เข้าร่วมงาน มาโปรโมตบล๊อกตัวเอง
อันที่กลับมานั่งคิดดู เรื่องของการโปรโมตบล๊อก
หรือการเขียนไปทำไม
ที่พิธีกรกล่าวเอาไว้แบบขำๆ ว่าเขียนแล้วอ่านคนเดียว
เขียนเป็น text file แล้วเก็บไว้ดีกว่า
อันนี้แมวดื้อทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยนะ
คือต้องยอมรับถึงความต้องการของมนุษย์โดยพื้นฐาน
ที่ว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องการการยอมรับจากสังคม
คงไม่มีใครที่ทำเว็บ หรือทำบล๊อก
แล้วทำให้ต้องใส่พาสเวิร์ดก่อน เพื่อจะอ่านได้ (คนเดียว) เป็นแน่แท้
แบบนั้นก็เหมือนกับที่พิธีกรบอก
เขียนเก็บไว้ในเครื่องคอมก็พอแล้ว
แต่…
คนเขียน ก็อยากให้มีคนอ่าน อันนี้เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ประเด็นที่ว่า “ต้อง” โปรโมตหรือเปล่า อันนี้น่าจะเป็นอีกส่วนนึง
แมวดื้อเชื่อว่า หลายๆ คนมีบล๊อก หรือเว็บส่วนตัวหลายๆ อัน
อย่างแมวดื้อเองก็มีหลายอัน มีเป็นเว็บเฉพาะกิจไปเลย
คือเป็นเรื่องนั้นๆ โดยตรง
เวลาที่เราทำเว็บแบบนี้ ปัญหาที่ตามมาก็คือ
เราจะถูกมองว่าเป็น geek ในเรื่องนั้นๆ ไปโดยปริยาย
พออยากทำบล๊อก ที่เป็นเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัว
วันนี้ไปทำอะไรบ้าง เจออะไรมาบ้าง กินอะไรบ้าง
เรื่องราวชีวิตประจำวัน แบบไดอารี่
หรือเรื่องราวที่สนใจ ณ เวลานั้น
มันก็เลยมักจะมีปัญหาตามมาว่า
มันก็มักจะมีเหตุการณ์ “นอกรอบ” เกิดขึ้น
คล้ายกับว่า คุณกำลังเพลิดเพลินกับดินเนอร์สุดหรู กับคนพิเศษ
แล้วอยู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาหาคุณ แล้วถามว่า
“ใช่ คุณ… หรือไม่ครับ”
แล้วก็ บลา บลา บลา
เค้าอาจจะมีมารยาทมากพอ ที่จะไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของคุณมากนัก
แต่ถ้าไม่ใช่หล่ะ…
แบบเดียวกันเลย
บางบล๊อกต้องการความเป็นส่วนตัวบ้าง
ไม่อยากโปรโมตมากนัก
คืออาจให้ google รู้จัก แค่นั้นพอ
เพื่อที่เราจะได้หาข้อมูลของตัวเอง ง่ายขึ้นด้วย
แต่ไม่ต้องถึงกับต้องไปโพสใน bookmark portal ทั้งหลายทั้งแหล่
หรือต้องทำ SEO ให้ทั่วโลกเค้ารู้ ว่าฉานกำลังทำอะไรอยู่ (เพื่อจะให้มาอ่านจากบล๊อก)
พักเบรคหนึ่งชั่วโมง กับมื้อเที่ยง
ช่วงบ่าย
เริ่มจากคุณเก่ง (keng.com)
มีประเด็นที่น่าสนใจ เกี่ยวกับ wordpress ทำอะไรได้บ้าง
ซึ่งบางอย่าง ก็บอกได้เลยว่า “เพิ่งรู้” เหมือนกัน
เดี๋ยวนี้ wordpress ทำได้สารพัด
นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ สำหรับผู้เริ่มต้น blogging หรืออยากทำเว็บง่ายๆ
ช่วงต่อไป
เป็นการพูดคุยสบายๆ
ที่ลากเอาคุณซี (dailygizmo.wordpress.com) มาเป็นพิธีกร ซึ่งจริงๆ จะเป็นหนึ่งใน Inspiration Showcase Blog
พูดคุยกับพี่บอย โกสิยพงศ์ (loveisloveis.com/blog) และป๋าเต้ด ยุทธนา บุญอ้อม (Pated.wordpress.com)
ที่ทั้งสองท่าน ได้อิทธิพลมาจากคุณบอย ตรัย
ซึ่งแมวดื้อก็ติดตามตั้งแต่ lostboy.diaryis.com เรื่อยไปจนถึง insidezentrady.com/blog
ป๋าเต้ด เล่าให้ฟังว่าคุณบอย ตรัย เขียนบล๊อก แบบเล่าเรื่อง
คือไปทำอะไรมาบ้าง แบบเพื่อนสนิทคุยกัน
วันนี้ไปเจอไอติมรสใหม่ กินแล้วเป็นแบบนั้นแบบนี้
ซึ่งมันก็เหมือนไดอารี่ออนไลน์เล่มหนึ่ง
ซึ่งในยุคก่อน มีคนนิยมเขียนแนวนี้กันเยอะมาก
แต่ปัจจุบัน หันไปเน้นเป็นบล๊อกแบบสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นพิเศษซะมากกว่า
พอใครเขียนแบบเรื่องราว นั่น..โน่น..นี่
ก็จะถูกมองว่า จับสาระอะไรไม่ได้ ไม่รู้ว่าอ่านบล๊อกที่เกี่ยวกับอะไรอยู่
เป็นซะอย่างงั้น
คุยกันพอสมควรแก่เวลา
ก็มีตากล้องในงาน วิ่งไปถ่ายรูปคุณซีกันกระหน่ำ
เรียกว่าถ้าบอกให้คุณซีโพสท่าได้นั่น..โน่น..นี่ได้หล่ะก็ งานพอร์ทเทรตชัดๆ
แมวดื้อก็ลุกไปอยู่ข้างหน้ากะเค้าเหมือนกัน
อิอิ
แต่ไม่ได้ถ่ายอะไรเลย
เพราะว่าขี้เกียจเปลี่ยนเลนส์
ใส่เลนส์วายด์ไว้ แล้วที่ TCDC ต้องให้ฝากกระเป๋า/เป้ที่ขนาดใหญ่กว่า A4 ไว้ข้างนอก
ก็เลยไม่ได้แบกเลนส์เข้ามาด้วย
แอบหงุดหงิดนิดส์นึงเหมือนกัน
ช่วงต่อไป
ก็เป็นการพูดถึงการแปลภาษาไทย
โดยทีมงาน wordpressthai.org
ซึ่งน่าสนใจทีเดียว
สำหรับผู้ใช้งาน ที่ไม่ค่อยเข้าใจในศัพท์บางคำ
หลังจากนั้นก็ได้เวลาพัก กินกาแฟกัน
น่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่ต่อ
ไม่ได้ชิมกาแฟของที่นี่ด้วย
ไปอ่านบล๊อกของคนอื่น
ทราบมาว่า ช่วงต่อไป มีคุณเม่น (imenn.com) มาพูดถึงการทำธีม
แจกธีมด้วย
ตามไปโหลด presentation slide กับธีมได้จากบล๊อกคุณเม่นกันได้เลย
น่าเสียดายต้องกลับก่อน
อดไปนอกรอบต่อที่ร้าน Indus เลย
เอาไว้เจอกัน WordCamp Bangkok 2009 (April 2009)
อย่าให้ใกล้ช่วงสงกรานต์จะดีมาก เอิ้ก..เอิ้ก
งานนี้ได้เสื้อ XXL ใหญ่สะใจมาอีกหนึ่งตัว
😡 เสียดายมากๆๆๆ อยากไป มีย้อนหลังไม๊ค๊า แงๆๆ 😥
[…] WordCamp Bangkok 2008 […]