Ko SiChang

หวานใจกับแมวดื้อ
เหมือนเริ่มต้นกันใหม่
เวลาเจอกันมีแอบเขินด้วย
ฮ่า..ฮ่า
อัลบั้มนี้ แอบจิ๊ก 50D ของน้องลูกพรุนมาใช้
เพราะ 40D ของแมวดื้อ ไปนอนในศูนย์ฯ เรียบร้อยแล้ว
แบกเอา 70-200 ไปใช้จริงจัง งานแรกเลย
พร้อม picture style ใหม่จาก canon
ไม่รู้หวานใจจะชอบไหม

:idea: :idea:

การเดินทางนั้น
พวกเราออกจากกทม. ก็สายแล้ว
กว่าจะถึงเกาะ ตะวันก็อยู่บนหัวพอดี
ร้อนตับแล่บ
หลังจากตกลงกับพี่ใหญ่ คนขับรถสกายแลป เบอร์ 38
(086-0274489 / 086-5663285)
เป็นที่เรียบร้อย
จุดหมายแรกก็คือศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
ถือโอกาสไปสักการะ เพิ่มความเป็นสิริมงคลกันสักหน่อย

พอถึงตีนเขา (ทางขึ้นศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่)
หวานใจก็สนใจปลาหมึกปิ้งเลยทันที

จากนั้นก็พาสังขารค่อยๆ เดินขึ้นศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่จนได้
ระยะทางไม่ไกลนัก
แต่เป็นทางชัน เดินขึ้นตลอด
ขึ้นมาถึง เหงื่อก็โทรมกายพอดี
มา ณ จุดนี้
เห็นเจ้าสิ่งนี้อยู่ตรงปากทางเข้าศาลฯ
ขาลง.. เราจะลองอันนี้กันไหม
ฮ่า..ฮ่า

แวะพักเข้าห้องน้ำห้องท่า ล้างหน้า ล้างตัวกันให้เรียบร้อย
เพิ่งสัมผัสทะเลได้ไม่นาน เกลือก็เริ่มขึ้นแล้ว
หุ..หุ
นี่เป็นวิวจากบริเวณที่พักผ่อนบนศาลฯ

เตรียมดอกไม้ ธูป เทียน แล้วเดินเข้าด้านในของศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ได้เลย
สิ่งแรกที่สะดุดตาก็คือเซียมซีหลากสี
เลือกประจำวันเกิดเลย
แบบนี้

สักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่

จริงๆ แล้ว บริเวณนี้ยังมี ศาลเห้งเจีย ศาลเจ้าแม่กวนอิม
วิหารพระสังกัจจายน์ และรอยพระพุทธบาทจำลอง
ให้สักการะด้วย

แต่แมวดื้อเริ่มร้อนแล้ว หวานใจก็ปีนเขาไม่ถนัด เพราะใส่กระโปรงมา
ก็เลยเดินลงเขากัน เอาไว้คราวหน้าค่อยปีนเขาขึ้นนมัสการ รอยพระพุทธบาทจำลอง

– เกร็ดเล็กน้อย –
คนจีนเชื่อว่า การมาสักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่
ให้ได้ 3 ครั้ง ในรอบ 3 ปี
จะเป็นสิริมงคล และมักจะมาขอพรกันเป็นประจำ

พอลงมาถึงตีนเขา
ก็เกิดอาการเอ๋อ
เพราะยังไม่รู้การบริการของรถสกายแลป
นั่งรอกันที่ร้านกาแฟโบราณข้างล่าง

นั่งสักพัก
เลยลองโทรไปยังเบอร์ที่พี่ใหญ่ให้เอาไว้
เลยรู้ว่า หากเสร็จธุระที่ไหนแล้ว ต้องการจะไปต่อ
ก็ให้โทรทันทีเลย ไม่ต้องนั่งรอ
รถสกายแลป (พร้อมคนขับ) ก็อยู่แถวๆ นั้นแหละ
หากนักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก พี่แกก็นั่งรอ นอนรอกันอยู่
แต่หากวันใด นักท่องเที่ยวเยอะ ก็จะเวียนไปรับส่งคนอื่นก่อน
แต่แค่โทรตาม แป้บเดียวก็มาถึง

จุดต่อไป
ที่พี่ใหญ่พาเราไปส่งก็คือ “ช่องเขาขาด”
ณ จุดนี้ ที่จริงเป็นบริเวณรอชมพระอาทิตย์ตก
มีบ้านพักเล็กๆ ไว้คอยบริการ
มีร้านอาหารด้วย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ค้างคืน
พอชมพระอาทิตย์ตกแล้วก็เดินเข้าร้านอาหาร หรือกลับบ้านพักตรงนี้ได้ทันที

ตอนแรกหวานใจ เล็งหมวกที่ท่าเรือเกาะลอยไว้ตั้งแต่ไกล
แต่พวกเรามาถึงท่าเรือด้วยเวลาที่เฉียดฉิว
คือลงรถได้ ก็ต่อเรือทันที
เลยไม่มีเวลาซื้อ
หวานใจ.. เลยได้หมวกมาใบนึงจากร้านที่ “ช่องเขาขาด” นี้

ใส่แล้วเป็นยังไงบ้าง

เดินไปดูตามทางเดินที่ทอดยาวไปตามแหลมของเกาะ
สถานที่ ที่ตากล้อง พานางแบบมาถ่ายรูปกันบ่อยๆ
น้ำทะเลสีสวย กับท้องฟ้าไร้เมฆ
ถ้าแดดไม่ร้อนมากจะดีเลย

หลังจากที่ปล่อยให้แดดเผาร่างกายไปบางส่วน
ให้พี่ใหญ่พาไปส่งยังจุดต่อไป
ระหว่างทาง พบเห็นป้ายร้านอาหารหลายร้าน
ตามที่เว็บต่างๆ แนะนำไว้
แต่ด้วยเวลาอันกระชั้นชิด
ไฮไลน์ของเกาะสีชังก็คือ จุฑาธุชราชฐาน
ที่มีสะพานไม้ทอดยาวออกไป
ใครที่มาเกาะสีชัง แล้วไม่มีรูปจากที่นี่กลับไป
ถือว่าไปไม่ถึงเกาะสีชัง
อีกอย่างพวกเราไม่ได้วางแผนจะค้างกันที่นี่
ดังนั้น จึงต้องเผื่อเวลาเรือเที่ยวสุดท้ายด้วย
เอาเป็นว่า “ทนหิว.. ไปถ่ายรูป” แล้วกัน
ฮ่า..ฮ่า

บรรยากาศดีมาก
ลมเย็นๆ แดดไม่แรงมากแล้ว
หวานใจเริ่มพาเรโกะออกมา  

แสงกำลังดี
แมวดื้อเปลี่ยนเลนส์ไปมา
จนได้รูปนี้

เรโกะ..มาเผยโฉม

ลมแรง
เรียกว่า ถ้าปล่อย เรโกะปลิวแน่ๆ

เดินไปที่สะพานกันดีกว่า

ถ่ายรูปกันไปขำๆ แล้วกันนะ
เพราะว่าวันนี้มีเรือมาทิ้งสมออยู่ทางด้านนี้ของเกาะ
วิวเลยอาจไม่ดีเท่าที่ควร

กว่าจะรอพี่ๆ ที่ถ่ายรูป นอนเกลือกกลิ้งกันกลางสะพานไปได้
เรโกะก็ร้อนแล้วค่ะ

ถ่ายรูปหวานใจบ้าง เดี๋ยวโดนงอน
ฮ่า..ฮ่า
ถ้าไม่จับหมวกนี่ปลิวหายไปเลยนะ

เอามือถือหมวกไว้ก็ได้

มีโทรศัพท์มาตามหวานใจ
เพราะที่บ้านโทรกันไม่เจอ
หากันให้วุ่น
พอวางโทรศัพท์ก็นั่งพักชิลๆ

ก่อนที่แมวดื้อจะงอน
เพราะว่ายังไม่ได้เดินไปดูทั่วๆ เลย
จะได้เวลากลับแล้ว

พาหวานใจเดินเข้าไปอีกนิดนึง
ตรงที่เป็นร้านอาหาร
ที่ตากล้องทั้งหลายชอบมาถ่ายรูป
เครื่องดื่มที่นี่ เค้าว่ากันว่า โอเคเลย
(แต่ไม่มีเวลาลองแล้ว.. ไว้คราวหน้านะ)

เดินออกมา
พระอาทิตย์ทอดแสงต่ำลงมา
แมวดื้อให้หวานใจ เดินไปสุดถนน
เพราะเห็นเจ้าพวกนี้ไกลๆ

หวานใจเห็นดังนั้น ก็เลยเป็นที่มาของรูปนี้
ไฟล์ต้นฉบับ หวานใจเอาไปส่งประกวด
ได้รางวัลที่ 1
ดีใจจัง.. มีคนชอบด้วย
(แต่รูปที่หวานใจส่งประกวด เป็นรูปสีนะ ไม่ได้ process แบบนี้)

หวานใจ.. กับนางแบบตัวน้อยของเรา

ได้เวลากลับกันแล้ว
แต่ดูท่าเรโกะ.. ยังอยากจะเล่นอยู่แถวนี้อีก

แดดเริ่มคล้อยต่ำลงทุกที
เอาไว้มากันใหม่นะเรโกะ

จุดหมายสุดท้าย
ก่อนจะครบรอบเกาะสีชัง
ตามที่พี่ใหญ่ได้บอกกับพวกเราไว้
นั่นคือ “หาดถ้ำพัง”
หาดเดียวของเกาะสีชัง ที่สามารถลงเล่นน้ำได้
หากมีเวลา แมวดื้อก็อยากนั่งเตียงผ้าใบ อ่านหนังสือ สั่งส้มตำมากินเหมือนกัน
แต่พี่ใหญ่ให้เวลาพวกเรา 20 นาที
เผื่อเวลาให้เสร็จสรรพ เพราะกลัวพวกเราไม่ได้กลับเรือเที่ยวสุดท้ายกัน
20 นาทีก็ได้

แวะซื้อน้ำอัดลมที่ร้านค้า
ก่อนเดินลงไปที่หาด
แล้วแมวดื้อก็ถ่ายรูปหวานใจแบบนี้มา
ถือเป็นรูปแรกที่หยิบมา process ก่อนเลย
ชอบรูปประมาณนี้

..love you darling..

ก่อนขึ้นรถสกายแลป
พี่ใหญ่พาพวกเราซิ่งไปตามเส้นทางที่วกวนไปมา
ผ่าเข้าไปในชุมชน
กลับถึงท่าเรือโดยปลอดภัย
ดูจากเวลาแล้ว อาจได้เรือเที่ยวก่อนสุดท้าย
แต่พอซื้อตั๋วขึ้นเรือได้
คนขับเรือก็บอกว่าเป็นเที่ยวสุดท้าย..ซะนี่
เอาอีกแล้ว
โชคดีจริงๆ ที่พี่ใหญ่เผื่อเวลาไว้ให้
ไม่งั้นคงต้องหาที่พัก ค้างกันที่เกาะสีชังแน่ๆ

รูปสุดท้ายก่อนเก็บกล้อง
(อัน..หนักสุดๆ)

เชื่อว่า the gang เมื่อมาดูรูป/โปรแกรมแล้ว
น่าจะร่ำๆ ให้ re-trip กันอีก
ก็คงได้แก้มือ ถ่ายรูปกันอีกหลายที่