สองวันแล้วที่ฉันเบื่อกับโลกอินเทอร์เนท
เบื่อเป็นคนเก่งที่ทุกๆ คนก็คาดหวัง
แม้ว่าจะเขียนบอกในเว็บไว้แล้ว
ว่าจะหยุดพัก
แต่ก็ยังไม่วาย มีไอโฟนเดินทางมาให้จัดการถึงคลินิก
ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ
แค่รู้สึกว่า
เวลาส่วนตัว
มัน “หายไป”
เบื่อกับการเครียดที่ต้องมารับผิดชอบ กับของๆ คนอื่น
ทำดีก็เสมอตัว ทำไม่ดีก็โดนบ่น (แม้จะไม่มาบ่นให้เราได้ยินก็ตาม)
เบื่อที่ต้องการคอยหาคำตอบให้กับคนที่เฝ้ารอคำตอบ
ไม่ว่าบางคำตอบที่ตอบได้เพียงทันที
หรือบางคำตอบที่ต้องไปค้นมาตอบให้
มันทำให้ฉันรู้มากขึ้น
แต่ฉันรู้สึกเป็นเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าไปทุกวัน
เครื่องจักรกลที่ไม่ต้องคิดอะไร
อยู่ในโลกอินเทอร์เนท
รับคำสั่งมา ประมวลผล แล้วก็แสดงผลออกมา
แค่นั้น
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว
ที่ฉันอยู่กับจอมอร์นิเตอร์และคีย์บอร์ด
ไม่ได้ไปไหน ไม่ได้ไปเที่ยวอย่างใครๆ
จากที่เลิกแตะต้องทีวี (ไม่ได้แตะมาหลายปีแล้ว) ดูหนัง ฟังเพลง อ่านข่าวผ่านจอมอร์นิเตอร์ทั้งนั้น
มาเพิ่มมาขึ้น กับการเลิกดูหนังที่โรงภาพยนตร์
จนมาถึง เดี๋ยวนี้ เหมือนฉันกลายเป็นเด็กบ้านนอกคนนึงที่เข้ามาอยู่ในซอกเล็กๆ ของเมืองหลวงแห่งนี้
ทั้งๆ ที่ฉันเป็นเด็ก “กรุงเตบ”
ห้างดังๆ ร้านอาหารดังๆ ฉันก็ไม่รู้จัก ไม่เคยไป
ดีหน่อยก็ตรงเปิดเนท เจอร้านอะไรก็จดไว้ พอมีโอกาสก็แวะไป
ไม่สิ เค้าเรียกตั้งใจไปเลย
ไม่ใช่ ไม่มีที่ไป แล้วจะแวะไปทำนองนั้น
แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกชิงชัง กับอาชีพการงานที่ทำอยู่
เพราะมันทำให้ฉันมีเวลาทางสังคมน้อยกว่าคนอื่น
มันเป็นอาชีพที่ถูกหลายคนดูถูก อยู่กับสัตว์ อยู่กับสิ่งสกปรก
แต่พอฉันทำได้ ทำให้สัตว์มีสุขภาพที่ดี
บางที เราก็ยิ้มได้นะ
เราอาจมีเวลาไปพักผ่อนน้อยกว่าคนอื่น
มีเวลาไปเที่ยวเล่นน้อยกว่าคนอื่น
แต่เราไม่เคย “มีเพื่อน” น้อยกว่าคนอื่น
แค่นั้นก็พอแล้วใช่ไหม
ฉันตื่นขึ้นมากับจับคอม (ที่ไม่ได้ปิด) ก่อนนอนก็จับ sleep ไว้แค่นั้น
พร้อมที่จะทำงานได้ทุกเมื่อ
หลายวันก่อน ฉันโดนบล๊อค ichat จากน้องคนนึงที่ฉันคิดจะเข้าไปช่วยเหลือเครื่องไอโฟน
แต่จนเวลาผ่านไปนานเกือบสองสัปดาห์
ที่ฉันไม่ได้ออกไปไหนมากนัก อยู่ที่คลินิกตลอด
ก็ไม่ได้ไปเอาเครื่องเค้ามาแก้ให้ (ซึ่งไม่รู้ว่าจะแก้ได้หรือเปล่า) สักที
เค้าก็บล๊อคไปซะเฉยๆ
ไม่เข้าใจคนพวกนี้เหมือนกัน
ก็ช่างเถอะ
ฉันไปทำ ไม่มีผลตอบแทนอะไรอยู่แล้ว
เพื่อนๆ พีๆ น้องๆ ที่สนิทกัน (น่าจะ) รู้จักฉันดี
เมื่อคืนวันลอยกระทง
ได้คุยกับพี่ชายที่น่ารัก (เป็นทั้ง boss ทั้งพี่ชาย)
ว่าอยากออกไปถ่ายรูปกลางคืน
อยากไปภูเขาทอง
รู้ว่ามีงานภูเขาทอง
ไม่เคยไปสักครั้ง
แต่ด้วยรู้สึกเพลีย กับอ่อนใจยังไงชอบกล
คล้ายจะไม่สบายด้วย
เลยตัดสินใจว่าจะไม่ไปถ่ายรูป
แต่ถ้าไปหาอะไรกินเย็นๆ OK
สุดท้ายก็เลยตกลงกันว่าไปหาอะไรกินกัน
แถวร้านมนต์นมสด หน้าศาลาว่าการฯ
ฉันปิดคลินิกตอนสามทุ่ม
แล้วก้าวเท้าออกจากร้าน
รู้สึกแปลกๆ ยังไงชอบกล
ถ้าเป็นวันอื่นๆ ฉันคงจะกลับไปนั่งอยู่หน้ามอร์นิเตอร์ ไม่แชต ก็ท่องเนทอย่างเช่นเคย
ลมหวานพัดผ่านกระทบหน้าฉันอย่างจัง
อากาศหนาวมาแล้วเนอะ
ผู้คนต่างทยอยกลับบ้านกันแล้ว
ไปลอยกระทงกันตั้งแต่หัวค่ำ
แต่สำหรับฉัน มันเพิ่งจะเริ่มต้น
เพราะฉันเพิ่งจะทำงานเสร็จ
ฉันนั่งแท๊กซี่ ไปลงแถวๆ เรือนจำ
รถไม่ติดมากนัก แต่เห็นคนเดินไกล เลยคิดว่าเดินเอาดีกว่า
สักพักก็มี SMS ส่งเข้ามา
“หมอ..ไม่ต้องมาแล้ว ภูเขาทอง คนยังกะหนอน”
OK
ฉันเปลี่ยนใจเดินเลียบเรือนจำ เข้าซอยเปลี่ยวเล็กๆ ที่เดินประจำ ออกไปทางวัดสุทัศน์
หน้าเสาชิงช้า ลมแรงมาปะทะให้ฉันสะท้านอีกครั้ง
เด็กวัยรุ่น 2-3 กลุ่ม เดินถ่ายรูปด้วยกล้องมือถือกันอย่างมีความสุข
ฉันหวนไปนึกถึงวิทยุที่ได้ฟังในรถแท๊กซี่
สถิติเด็กวัยรุ่น เสียความบริสุทธิ์ในคืนวันลอยกระทง ยังคงมีตัวเลขที่สูงอยู่
หวังว่าเด็กวัยรุ่นกลุ่มที่ฉันเพิ่งเดินผ่านมา คงไม่คิดอะไรแบบนั้น
ฉันข้ามถนนหลายครั้ง จนมาถึงหน้าศาลาว่าการฯ
ชอบอากาศแบบนี้จัง
อากาศเย็นๆ มีลมหนาวพัดมาเรื่อยๆ
แม้ว่าไม่มีหวานใจอยู่ข้างๆ แต่ก็โทรบอกว่าอยู่ไหนตลอด
ข้ามถนนอีกรอบก็ถึงร้านมนต์นมสด
ร้านนี้อยู่มานานมาก
ตั้งแต่ฉันเป็นเด็กวัยรุ่น มาเรียนพิเศษแถวๆ นี้ ก็มีร้านนี้แล้ว
จากร้านขนมปังธรรมดา กลับกลายเป็นร้านที่มีชื่อเสียง มีหลายสาขา
ขนมปังสารพัดหน้า ทั้งปังเนย ปังน้ำตาล ปังสังขยา
วางอยู่ตรงหน้าละลานตา
พร้อมกับนมสดเย็น
ที่คนไปซื้อถามว่า จะเอานมโคบ้านเรา หรือนมโคเมืองนอก
[มุขซะงั้น]
กินกันไป เม้าท์กันไป
คนเยอะมาก
คนต่อแถวกันออกไปนอกร้าน ยาวไป 3 คูหา
ท่ามกลางเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจภายในร้าน
ฉันกลับมานั่งคิดดู
นี่หรือคือสิ่งที่ฉันต้องการ
ออกมาพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ เฮฮากันไปตามประสา
อย่างน้อยก็ทำให้ฉันไม่ต้องห่วงกับเรื่องราวบนอินเทอร์เนทสักเท่าไร
แม้จะไม่ว่าต้องหยิบไอโฟนออกมาดูประปราย
ต่อจากขนมปัง (ของหวาน) แล้ว
เราเดินไปหากินผัดไทตามคำแนะนำของสมาชิกในกลุ่มกันต่อ
ฉันรู้สึกปวดหัวขึ้นมานิดๆ
อยากจะนั่งลงกับพื้น จิบแอลกอฮอล์ซะตรงนั้น
หลายคนรู้สึกร้อน
แต่สำหรับฉันมันหนาวเหลือเกิน
เดินย่อยขนมปังไม่นาน
เราก็มาถึงร้านผัดไทชื่อดัง
คนเยอะมาก
กองถั่วงอกอวบอั๋นมหึมาอยู่ข้างกายพ่อครัว
รอสักครู่ใหญ่ๆ เราจึงได้โต๊ะ
แม้ว่าทางร้านจะมีเส้นธรรมดา เส้นจันทน์ มันกุ้ง หลากหลาย
แต่จากการสั่งมากินแล้ว
พวกเราสรุปกันว่า “ไม่ผ่าน”
เพราะมัน “ขาด”การเข้าถึงรสชาด
มันอาจจะเหมาะกับคนจีนที่ชอบกินจืดๆ หรือคนที่ต้องมาปรุงเอง
แต่สำหรับฉัน มันจืดสิ้นดี
หลังจากจบเมนูนี้ ก็ปาเวลาข้ามวันไปแล้ว ฉันก็แยกย้ายขอตัวกลับ
เพราะตอนเช้ามีผ่าตัดอีก
ฉันเดินข้ามถนนกลับมาเพื่อเรียกรถแท๊กซี่
แต่ดูเหมือนว่าคนเริ่มทยอยกลับกัน
รถแท๊กซี่เริ่มน้อยลง
ที่มีก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น (น่าจะนอนอยู่บ้านนะ เปลืองน้ำมันเปล่าๆ)
ฉันเดินลัดเลาะตามถนน จนเปลี่ยนชื่อถนนไป 3-4 ถนน
จนมาถึงตลาดเที่ยงคืน
ที่เค้าว่ากันว่า ลองมาเดินสักครั้งจะติดใจ
ฉันเลยลองเดินเข้าไปดู ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว
ผ่านไป 2-3 ตรอก ข้าวของส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยต่างจากของตอนกลางวันสักเท่าใด
อาจจะมี “ของโจร” “ของมีตำหนิ” ให้เห็นบ้าง
เรียกว่า “ตาดีได้ ตาร้ายเสีย”
ฉันไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก
จนไปหยุดอยู่ตรงร้านขายหมา
มีชิสุห์ผสม 2 ตัว และหมาไทย 3 ตัว
คาดว่าน่าจะหลอกว่าเป็นหมาบางแก้วได้ไม่ยาก
แต่เห็นอาการหอบแล้วน่าสงสาร อากาศไม่ได้ร้อนมาก แต่หอบแฮ่กเลย
ท่าทางจะไม่สบาย
ดูอยู่สักพัก มีคนมาซื้อไปสองตัว
ฉันเดินออกจากร้านด้วยอาการงงๆ เริ่มง่วงเล็กน้อย ปนกับอิ่มมาก
แล้วฉันก็เดินข้ามไปอีก 2 ถนน
มาจนถึงถนนเจริญกรุง
ถึงตรงนี้ ฉันก็ยังหาแท๊กซี่ไม่ได้สักที
จนมาถึงหอไม่มีโคม (มันไม่โคมเขียว โคมแดงทั้งนั้น มันไม่มีโคม)
ฉันเห็นสาวแท้ สาวเทียม ยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ข้างๆ หอ แล้วก็ค่อยๆ หายไปทีละคน
พาลนึกในใจว่าเดี๋ยวนี้มันโจ่งแจ้งกันขนาดนี้เลยเหรอ
สักพักใหญ่ๆ มีรถเมล์ตลอดคืนผ่านมา
ฉันรีบกระโดดเกาะรถไปลงที่หัวลำโพง
ด้วยการเดาว่าน่าจะมีรถแท๊กซี่ให้ฉันใช้บริการบ้าง
และแล้วก็โชคดี มีแท๊กซี่มาพอดี
สรุปฉันกลับมาถึงคลินิกเกือบตีสอง
กว่าอาบน้ำ กินมาม่า (เดินไกลไปหน่อย กลับมาก็หิวเลย) กว่าจะได้นอนเกือบตีสาม
ถือว่าเป็นอีกคืนกับชีวิตในเมืองกรุงที่ไม่ค่อยได้สัมผัส
….
หวานใจคงนอนไปแล้ว
คืนนี้เป็นคืนเหงาอีกคืน
[audio:ost_snow_queen_loveholic.mp3]
คุณแมวดื้อ…
บางครั้งเราก็ไม่สามารถทำความพอใจให้กับคนทุกคนได้หรอกจ้า…
อย่าเอาใจของเราไปจับไว้กับเรื่องของคนอื่น เพราะเราจะเป็นทุกข์ซะเอง
อย่าเครียด ยิ้มๆไว้นะ…^_____^
อ่ะลืม..555+
ป.ล. เห็นด้วยว่าผัดไท เจ้าที่พูดถึงไม่อร่อย คอนเฟิร์ม ^^
disconnect ซะบ้าง ชีวิตจะ….ดีขึ้น (ไม๊)
อยากอยุ่เป็นเพื่อนนะคะ…รอเรานะ….
อ่านตามแล้วเหงาเลยนะ…ได้รู้สึกถึงลมเย็นๆ แถวเสาชิงช้าเลยหล่ะ ยังไม่เคยไปเดินแถวนั้นตอนกลางคืนเลย
วันไหนไปบอกด้วย จะได้เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะนะ จะได้เดินสบายๆ
ีชีวิตในกรุงเทพ ที่ไม่เคยหลับจริงๆ
ปล.รูปขาวดำ ดูแล้วเศร้าจัง
ปล.อีกที รูปแรกรูปอะไรดูไม่ออก
ปล.เพลงเพราะมากๆ ชอบ จาก..ฮาน่าหรือเปล่า