สามชุกตลาดร้อยปี ตอนที่ 1

วันอาทิตย์นี้ไปสามชุกสมใจ
ถ่ายรูปจนการ์ดเต็มกันถ้วนหน้า
ของกินเยอะเลย
ไว้ไปอีก
อิอิ

เริ่มทริปด้วยการนัดเจอกันที่สวนรถไฟ
แมวดื้อกับน้องลูกพรุนนัดเจอกันแต่เช้ามืด
ตักบาตรเสร็จ ก็เลยเข้าไปเดินเล่นในสวน
วันนี้ไม่ได้ไปปั่นจักรยาน

จากนั้นก็ไปนั่งโซ้ยข้าวต้ม รอสมาชิกร่วมทริปของเรา

จากนั้นก็แวะร้านกาแฟระหว่างทางเล็กน้อย
และแล้วก็มาถึงสามชุกจนได้
ทริปนี้ เลือก process รูปแบบโบราณนิดนึงนะ (ancient preset)
ติดโทนชมพูจางๆ ชอบ..ชอบ


มาถึง คนเยอะมาก แดดแรงมากด้วย


ซุ้มไปรษณีย์ทางด้านหน้าของตลาด
มีของที่ระลึก โปสการ์ด แสตมป์ และตู้ไปรษณีย์จริง
พร้อมให้บริการ


กาแฟท่าเรือส่ง
เป็นร้านแรกที่พวกเราเข้าไปลองชิมดู
แมวดื้อขอกาแฟ “อย่างแรง” ของที่นี่
กลิ่นหอม ไม่เข้มจัดแบบกาแฟดำที่คุ้นเคย
แต่รู้สึกได้ถึงความเป็น “กาแฟโบราณ”


ข้าวหมูกรอบ?
เดินไปถ่ายรูป กลับมาสมาชิกก๊วนก็สั่งไว้แล้ว
เนื้อนิ่ม หนังไม่กรอบจนแข็ง
ที่น่าประหลาดก็คือ เวลาเคี้ยวตรงชั้นไขมัน ไม่รู้สึกเหมือนเวลากินหมูสามชั้นที่ มันแทบจะพุ่งออกมา


ข้าวห่อใบบัว
มาพร้อมใบบัวสีเขียว ภายในข้าวนิ่มกำลังดี
รสชาดติดจืดเล็กน้อย ตามสไตล์คนจีน
ไม่เหม็น (เขียว) ผัก เด็กๆ ก็สามารถกินได้


ใกล้จะเที่ยงแล้ว
พวกเราเริ่มออกปฏิบัติการตะลุยสามชุกกัน

จากตรงนี้ พวกเราก็แยกออกเป็น 3 กลุ่ม
จะได้ไม่ต้องรอกันไปมา
ใครสนใจอะไร กินอะไรก็เต็มที่เลย
พี่เสือไปกับ “น้อง” เพื่อนหวานใจ ซึ่งมาต้อนรับแล้วพาทัวร์
หวานใจไปกับนู๋เมย์ พาลูกๆ ไปเที่ยว ตามตรอกซอกซอยต่างๆ
แมวดื้อไปกับน้องลูกพรุน ไปตามแผนที่ ที่ได้ข้อมูลมา


พอออกจากร้านกาแฟท่าเรือส่งได้
ก็เลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ที่มีคนมุงกันอยู่หนาตา
ด้วยสารพัดของกิน ขนม เต็มไปหมด
ทั้งของคาว ของหวาน ของแห้ง

ซอย 2 เป็นซอยที่เราแวะเข้าไปอย่างแรก
ด้วยนักท่องเที่ยวที่ทยอยเดินเข้าซอยนี้กัน
น่าจะมีอะไรน่าสนใจอยู่

 บ้านขุนจำนงจีนารักษ์
เป็นจุดหมายต่อไป
ที่นี่ค่อนข้างชอบมากเป็นพิเศษ
ด้วยเป็นคนที่บางครั้ง ชอบศึกษาลักษณะของคน รวมถึงประวัติศาสตร์ และความเป็นอยู่ในอดีต
ที่นี่มีอะไรที่น่าสนใจมาก


เรื่องราวของท่านขุนจำนงจีนารักษ์และครอบครัว


ภายในบ้าน ปัจจุบัน อาจเรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว
มีแบบจำลอง สามชุกตลาดร้อยปี จัดแสดงไว้ทางด้านล่าง
ชอบพวกแบบจำลองแบบนี้มั่กๆ

ใต้บันไดทางขึ้นไปชั้นสอง
มีประตูเล็กๆ ซ่อนอยู่
จากการเดินสำรวจทั่วบ้าน พบว่าประตูที่มีรูกุญแจมีเพียงบานนี้บานเดียว
จึงน่าจะเป็นไปได้ว่า เป็นสถานที่เก็บสมบัติ
อันอาจจะเป็นสินค้าที่จำหน่าย เงินทอง หรือ สุรา-ฝิ่น
ที่ในสมัยดังกล่าว ยังให้จำหน่ายได้
ภายหลังรัฐบาลมายกเลิกการสูบฝิ่น

ที่ด้านหน้าของประตูนี้ มีตู้เย็นโบราณขนาดใหญ่ ตั้งอยู่
จากที่เห็นรูปตากล้องหลายคน
ไม่มีด้ามมือจับ
แต่แมวดื้อไปเจอแบบนี้

จึงเดาว่าได้รับการซ่อมแซมไปบ้างบางส่วน


ให้ดูยี่ห้อกันเต็มๆ

ถัดออกไป มีส่วนยื่นออกไปจากตัวบ้าน เป็นครัวขนาดใหญ่
หลังคาเปิดโล่ง ซึ่งคาดว่า เวลาทำกับข้าวแต่ละที
บ้านข้างๆ น่าจะได้กลิ่นมาแต่ไกล

บันไดในแบบบ้านโบราณ จะมีจำนวนขั้นไม่มากนัก
บ้านหลังนี้ เก๋มากๆ ตรงที่มีประตูขนาดใหญ่
ที่สามารถปิดบันไดทางขึ้นสู่ชั้นสองได้
คือเวลาปิดไปแล้ว แทบจะกลายเป็นพื้นของชั้นสองไปเลย เจ๋งมาก
ที่บ้านคุณตาของแมวดื้อ จะเป็นลักษณะคล้ายๆ กัน
เป็นประตูห้องรับแขก แล้วก็ใช้ไม้ขัดเอา (ล็อคไว้แทนกุญแจ)
แต่ที่บ้านขุนจำนงจีนารักษ์ ประตูที่ว่านี้ พอปิดแล้วจะล็อค ไม่สามารถขึ้นได้เลย
แต่พอเปิด จะกลายเป็นกำแพงด้านหนึ่งของบันได ถ้าไม่สังเกตแทบดูไม่ออก

ที่ชั้นสอง มีเครื่องเรือน ข้าวของเครื่องใช้ จัดแสดงไว้พอสมควร
ทั้งเครื่องเคลือบ เครื่องปั้น จัดแสดงไว้ในตู้
หรือโต๊ะ เก้าอี้ ทีวี ตามตำแหน่งที่เคยอยู่จริงในบ้าน
สิ่งแรกที่เห็นเมื่อขึ้นมาชั้นสองคือ


ประโยชน์ น่าจะตามชื่อเลย
เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้จับข้าวของ เครื่องใช้ใดๆ
เลยไม่รู้ว่าใช้ยังไง
ดูจากรูปแล้ว พาลคิดไปถึง aroma therapy
เอากำยานจุดภายใน
แล้วนอนสูดดมไป
แต่ถ้าเป็นฝิ่น มีหวัง เคลิ้มง่ายแน่ๆ


ทีวีคลาสสิคมาก


ภายในห้องนอนของท่านขุน
ซึ่งภายใน มีเตียง ราวแขวนเสื้อผ้า
พัดลม และปืนยาว แขวนไว้ที่ผนัง
หน้าห้อง (ภายในบ้าน) มีโต๊ะกินข้าว และตู้เก็บของ
อีกด้าน เป็นระเบียง สามารถออกไปรับชม วิวด้านแม่น้ำได้อย่างพอดี


สวิชต์ไฟโบราณ ที่ปัจจุบันยังคงพบเห็นได้บ้างในบ้านโบราณ

ชั้นสาม
เป็นสถานที่ประกอบพิธีศพท่านขุนฯ
มีห้องโถงใหญ่ ซึ่งปัจจุบัน ได้นำพระราชกรณียกิจของในหลวงมาจัดแสดง
ตำแหน่งของบันไดที่ขึ้นจากชั้นสอง สู่ชั้นสาม
เรียกได้ว่าเป็นตำแหน่งที่ดีมากๆ
คือไม่ใช่ตำแหน่งเดียวกับบันได จากชั้นหนึ่งมาชั้นสอง
หากแต่เป็นอีกด้านหนึ่ง
และอยู่ติดกับห้องนอนท่านขุนฯ
ดังนั้น ในส่วนของความปลอดภัย (ในห้องแขวนปืนเอาไว้) จะดีมากๆ

ง่วงหล่ะ จบตอนที่ 1 ที่บ้านขุนจำนงค์ จีนารักษ์แล้วกัน