Time Timer

ต่อเนื่องจากเอนทรี่เรื่อง Sleep Sleep
ประกอบกับเมื่อวันเสาร์
ใน mini-tweet meeting
ได้มีการคุยกันถึงเรื่องนี้กัน
หลังจากที่เข้าใจเรื่องวงจรการนอน/ง่วงกันไปแล้ว
คราวนี้มาคุยกันถึงการแบ่งเวลาบ้าง
แมวดื้อลองเสนอแนวคิดให้ลองไปปรับใช้กันนะ
บางข้อแมวดื้อก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
เอิ้ก..เอิ้ก

== กำหนดความสำคัญ ==

การกำหนดตารางประจำวันนั้น
เราอาจจะเขียนงานที่ต้องทำออกมาทั้งหมดก่อน
ถ้าเป็นงานที่ต้องทำทุกวัน อันนี้ก็ไม่ยาก ลอกกันมาทุกวันได้เลย
จากนั้นก็ใส่ลำดับความสำคัญ (priority) เข้าไป
ก็เหมือนๆ ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
แต่สำหรับแมวดื้อจะให้น้ำหนักต่างจากคนอื่นเล็กน้อย
งานที่ “ต้องทำ” กับงานที่ “อยากทำ”
แมวดื้อให้น้ำหนัก “เท่ากัน”
งานที่ “ต้องทำ” ส่งผลถึงหน้าที่การงาน รวมไปถึงสังคม
ในขณะที่ งานที่ “อยากทำ” ก็จะส่งผลถึงจิตใจ
หากทำแต่งานที่ “ต้องทำ” อยู่ตลอดเวลา
ก็จะทำให้จิตใจเกิดความหงุดหงิด เบื่อหน่าย เศร้าหมอง
พาลจิตตก งานที่ “อยากทำ” ก็ออกมาไม่ดีด้วย

คราวนี้ทำยังไงดีหล่ะ
คำตอบก็อยู่ในวงจรการนอน/ง่วงนั่นเอง
ซึ่งจะเห็นได้ว่า ช่วงเวลาที่เราสามารถทำงานได้ดีที่สุด นั่นคือช่วงเวลาสายๆ
ประมาณ 10.00 น.
ดังนั้นเพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานเต็มที่ เราจึงเอางานที่ “ต้องทำ” ขึ้นมาทำเสียก่อน
จากนั้นช่วงเวลาที่เริ่มง่วง (ประมาณ 14.00 น.) ก็ให้เอางานที่ “อยากทำ” ขึ้นมาทำ
เพราะว่า งานที่เรา “อยากทำ” ต่อให้ง่วง ให้เหนื่อยแค่ไหน แต่ถ้าเราอยากทำ มันก็จะมีแรงขึ้นมา
แต่ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับวงจรการนอนของแต่ละคนนะ
บางคนอาจจะนอนเช้า ตื่นเย็น อันนี้ก็ต้องไปปรับกันเอาเอง

สรุปในข้อนี้
ช่วงเวลาที่ “ตื่น” ให้ทำงานที่ “ต้องทำ”
ช่วงเวลาที่ “ง่วง” ให้ทำงานที่ “อยากทำ”

== ส่งแรงขับจากร่างกาย ==

การทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาจากร่างกายที่แข็งแรง
ไม่ว่าจะปั่นงานที่ “ต้องทำ” หรือ “อยากทำ” หนักแค่ไหน
ก็ต้องเริ่มจากร่างกายก่อนเสมอ
ดังนั้น เมื่อถึงเวลาพักกินอาหาร
จงพัก และหยุดทำงานเสีย
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำงานในช่วงเวลานี้
ร่างกายต้องการสารอาหาร
สมองต้องการพักผ่อน

คนเรามักจะมีสมาธิในเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
ดังนั้น หากเป็นไปได้พยายามหาเวลาพัก
มันอาจจะเพียงไม่นาน
แค่ 5-10 นาที
เดินไปเข้าห้องน้ำ
หรือแวะกินชา กาแฟ ขนม หรือผลไม้ก็ได้
เป็นการกระตุ้นไม่ให้นั่งอยู่กับที่นานๆ
เป็นการเปลี่ยนอิริยาบท แถมลดนิสัยอั้นปัสสาวะอีกด้วย
ช่วงเวลาในการพัก แมวดื้อมองง่ายๆ เฉกเช่นตอนเป็นเด็ก
เราเริ่มต้นเรียนหนังสือกันตอน 08.00 น. แล้วไปพักยาวตอนเที่ยง
อ้างอิงจากเรื่องสมาธิที่มีประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
เอาเป็นว่าทู่ซี้ฝืนทำงานไป 2 ชั่วโมง
เวลาพักน่าจะอยู่ในช่วงเวลา 10.00 น.
ซึ่งแม้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวความต้องการนอน/ง่วงจะอยู่ค่อนข้างต่ำ
(แปลว่าทำงานดีที่สุด)
แต่ก็ควรจะพักสักนิด (อาจเป็นการละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ดื่มน้ำสักแก้วนึง เป็นต้น)

หลังจากมื้อเที่ยง
กลับเข้าทำงานตอน 13.00 น. (เหมือนตอนเด็กๆ เริ่มเรียนภาคบ่าย)
ทำงานไปอีก 2 ชั่วโมง
แม้ว่าช่วง 14.00 น. จะเป็นช่วงที่เริ่มง่วงอีกครั้ง แต่ก็ (น่าจะ) ยังคงมีสมาธิอยู่
เพราะเพิ่งเริ่มทำงานตอน 13.00 น.
หากฝืนถ่างตาไว้จน 15.00 น. ก็ได้เวลาพักอีกรอบ
แมวดื้อชอบใช้คำว่า
Tea Time of Three O’clock
การพักครั้งนี้ทำให้หายง่วง ดื่มน้ำเพื่อเพิ่มความสดชื่น พร้อมทำงานในช่วงสุดท้าย
จากนั้นขึ้นอยู่กับว่าเลิกงานประมาณกี่โมง
อาจเป็น 17.00 – 18.00 น.

ในส่วนของการกินอาหารมื้อหลักนั้น
แนะนำให้อยู่ในสูตร 6 – 6 – 6
คือมื้อเช้า 06.00 มื้อเที่ยง 12.00 มื้อเย็น 18.00 น.
หรือถ้ามื้อเย็นจะเลทออกไป ก็แนะนำว่าไม่ควรเกิน 20.00 น.

การกินขนม ผลไม้ ในตอน 10.00 น. และ 15.00 น. นั้น
หลายๆ วิธีการควบคุมน้ำหนัก (หรือลดน้ำหนัก)
บอกเอาไว้ว่าสามารถทำได้ (ไม่ต้องกังวล)
แต่อย่าลืมว่าปริมาณน้ำที่ต้องการในแต่ละวัน
ต้องไม่นับรวม ชา กาแฟ ในตอนพักนี้นะ

การดื่มน้ำตอนทำงานเยอะๆ
นอกจากจะได้ผลดีต่อร่างกายแล้ว
ยังเป็นอุบายที่พอเราดื่มน้ำเยอะ
ก็ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ
ก็เป็นการเปลี่ยนอิริยาบทอีกทางหนึ่ง

สรุปในข้อนี้
กินอาหารให้เพียงพอ
กินให้ครบ 3 มื้อหลัก
พักเบรคกินชา กาแฟ ขนม ผลไม้ ได้ตามสมควร

== ทำทีละอย่าง ==

คนเราไม่ใช่คอมพิวเตอร์
ไม่จำเป็นต้องเป็น multi-tasking
หลีกเลี่ยงการดูทีวีขณะรับประทานอาหาร
นอกจากจะสร้างพฤติกรรมที่กินอาหารจำนวนมาก
(เพลิดเพลินไปกับความบันเทิง)
ส่งผลเพิ่มภาระของระบบย่อยอาหารที่ต้องทำการหนัก

นอกจากนี้การทำงาน แนะนำให้มุ่งไปยังงานที่ทำอยู่เท่านั้น
ไม่ต้องกังวลว่าพอเสร็จจากงานนี้แล้วจะทำอะไรต่อ
(เพราะเราได้เขียนรายการเอาไว้แล้ว)
ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาจนเกินไป
เมื่อทำเป็นประจำก็จะทราบเวลาโดยอัตโนมัติ
อย่างแมวดื้อเนี่ย พอ 15.00 น. ปุ๊บก็จะรู้ตัวว่าควรพักทันที

การทำงานหลายอย่างพร้อมๆ กัน
อาจทำให้เกิดสมาธิสั้นกว่าปกติ
เพราะจะมีการเปลี่ยนจุดมุ่งเน้นอยู่ตลอดเวลา

== บันเทิงเริงใจ ==

การอ่านเมล์ อ่านฟีด เปิดเว็บ อ่านบล็อก เล่นเกมเฟสบุค ทวิตเตอร์ ฟังเพลง ดูหนัง
เป็นกิจกรรมที่สิ้นเปลืองเวลา หากใส่ความสำคัญไว้สูง
จริงอยู่ว่า สิ่งพวกนี้ อาจซึมซับเข้าสู่กระแสจิตของชาวไซเบอร์ไปเสียแล้ว
และอาจถือได้ว่ามีผลต่อทางด้านจิตใจ
แต่ลองทำแบบนี้ดูนะ
(แมวดื้อใช้วิธีอยู่เหมือนกัน)

การอ่านเมล์
ก่อนอื่น ต้องตั้งสติก่อนการใช้เมล์เสมอ
การลงทะเบียนใช้งานเว็บต่างๆ หรือจะโหลดโปรแกรมฟรีก็ตามที
ให้ใช้เมล์ที่เราไม่ค่อยได้ใช้ เช่น hotmail (ที่บางคนเอาไว้เล่น msn อย่างเดียว)
หรือจะเปิด gmail ไว้อีกอันก็ได้
เมล์แอคเคาท์เหล่านี้ มักจะมีโปรโมชั่น หรือแจ้ง นั่น โน่น นี่ แค่นั้น
ไม่ค่อยมีสาระอะไรมากนัก
(นอกจากตอนเราลืมพาสเวิร์ด)
ดังนั้นการที่เปิดเมล์แอคเคาท์เหล่านี้ทิ้งไว้ตลอดเวลา (ให้มีการเช็คทุก 1-2 ชั่วโมง) เป็นเรื่องไร้สาระสุดๆ
แนะนำว่าให้เปิดโปรแกรมเช็คเมล์ ตอนเช้าก่อนไปอาบน้ำ และตอนเย็นเมื่อกลับมาถึงบ้านเท่านั้น
(วันละ 2 ครั้งพอ)
เวลาทำงาน อย่าไปเปิดดูเด็ดขาด
ส่วนเมล์พิเศษ เช่นเมล์บริษัท เมล์ส่วนตัว (ที่เปิดเอาไว้ให้หวานใจส่งมาโดยเฉพาะ)
อันนี้เปิด push ไว้เลย ทำยังไงก็ได้ ให้มัน push เข้าไอโฟน หรือส่ง sms มาเตือนที่โทรศัพท์เมื่อมีเมล์มาก็ได้
ถือว่าอันนี้สำคัญ ต้องรับรู้ตลอดเวลา
แต่อย่าลืมตั้งเอาไว้ว่าไม่ให้ลบออกจาก mail server เพื่อที่เราจะได้มีอีกฉบับเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์
ซึ่งบางกรณีเมล์งานจากเจ้านาย มักจะอ่านไม่ออก จากเมล์บนไอโฟน เรายังสามารถเปิดเช็คในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อีกรอบ

การอ่านฟีด (feed) และอ่านบล็อก (blog)
อันนี้ เป็นช่องทางการรับรู้ข่าวสารสำหรับชาวไซเบอร์สมัยใหม่
ก็มีเทคโนโลยีให้ใช้กันแล้ว ก็ใช้กันหน่อย
เริ่มจากยัดทุกอย่างที่อยากรู้ เข้าสู่ google reader
จากนั้นก็หาทางเอามาอ่านช่วงว่าง
ถามว่าว่างตอนไหน
เวลาที่เหมาะที่จะอ่านฟีดและบล็อกมากที่สุด
คือเวลาในห้องน้ำ
เชื่อป่ะ
มันไม่ต้องใช้เวลามากมาย
ซึ่งกว่า 70% เราอ่านแต่หัวข้อด้วยซ้ำ
ถ้าเราสนใจ เราถึงจะเปิดเข้าไปอ่านรายละเอียด
แมวดื้อมักจะใช้เวลาอ่านฟีดเกี่ยวกับไอโฟนประมาณ 2xxx ไม่เกิน 5 นาที
เพราะบางข่าว มันก็เป็นลักษณะลูกโซ่
มีเว็บนึงเขียนขึ้นมาก่อน แล้วเว็บอื่นๆ ก็อ้างอิงไปเรื่อยๆ สุดท้ายมันก็ข่าวเดียวกันอยู่ดี
ในส่วนของบล็อก
ตามปกติแล้ว ชาวบล็อกเกอร์มักจะเขียนวันละ 1 เอนทรี
ไม่ค่อยมีใครบ้าพลังอัพวันเดียว 5 เอนทรี 10 วันติดหรอก
ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นาน
การอ่านบล็อกเป็นเรื่องของ “ความชอบ” ที่คล้ายๆ กัน
ถ้าเค้าเขียนในเรื่องที่เราไม่อยากรู้ การไม่อ่านก็ไม่ใช่สิ่งผิด
ไม่ต้องเม้นท์ให้เมื่อยตุ้มว่า เปิดเข้ามาแล้วนะ
ในวันนึงเราเข้าไปอ่านบล็อกที่คลิ้กตรงใจกันสัก 60% ก็ถือว่าเยอะแล้ว
(นอกจากสาวๆ ที่เล่นตุ๊กตา กลุ่มนี้ใครอัพมาก็อ่านหมด
แต่ก็อย่างว่าแหละ น้อยคนที่จะอัพทุกวัน)

ในส่วนของโปรแกรมที่ใช้
ก็มีให้เลือกใช้กันมากมายทั้งบนโทรศัพท์ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์
ส่วนใหญ่ก็จะสามารถตั้งเวลาให้ดึง feed ได้
ซึ่งแนะนำให้ดึงแค่ 4-6 ชั่วโมง / ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว

การเปิดเว็บ
อันนี้ยากสุดๆ แล้ว
คือเข้าใจไหมว่า แต่ละคนก็มีความสนใจรอบตัวไปหมด
แต่ครั้นจะเปิดเว็บทุกเว็บ ก็คงไม่ต้องทำงานกันพอดี
ตรงจุดนี้ แมวดื้อขอเสนอให้ใช้ Auto-Click Bookmark Folder (ใน Safari)
หรือ Open All in Tabs (ใน Firefox)
คือตั้ง bookmark เอาไว้หลายๆ เว็บ
แล้วกดเปิดในครั้งเดียว
หลังจากนี้ เป็นการ “ข่มใจ” กันแล้ว
สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือรอให้โหลดจนเสร็จก่อน
แล้วก็เปิด tab ไหนก็ได้ แต่ให้อ่านแล้วปิด tab ทันที
ห้ามวนมาอีกครั้ง
หากมีลิงก์ไปที่อื่นก็พยายาม save bookmark เอาไว้อ่านภายหลัง
หรือหากห้ามใจตัวเองไม่ได้ ก็ให้คิดเสมอว่า ให้ตามลิงก์ไปเพียงลึก 1-2 ระดับเท่านั้น

เปิดเว็บให้น้อย
ใช้ฟีดให้มาก
ลดเวลาไปได้เยอะ

การเล่นเกมเฟสบุค
อันนี้หลายคนคงติดกันงอมแงมเสียแล้ว
เกมบนเฟสบุคนั้น ส่วนใหญ่ต้องการ “เวลา”
คือไม่จำเป็นจะต้องเปิดบราวเซอร์เล่นอยู่ตลอดเวลา
แต่ควรรู้จักจัดการ รู้ว่าควรเปิดเกมไหนตอนไหน แล้วต้องทำอะไร
เช่น Restaurant City แค่เข้าไปเพิ่มพลังคนงานของเราก็พอแล้ว เสร็จแล้วก็ปิดทันที
หรือ Country Story ก็แบ่งเวลาว่าจะเข้าไปเก็บผลผลิตตอนไหน เสร็จแล้วปิดเลย
วางแผนให้ดีตั้งแต่ตอนเล่น
ถ้าคิดจะเล่นอ่านวิธีการเล่น ทิป ทริกให้เข้าใจก่อน จะได้ไม่เสียเวลา

ทวิตเตอร์
อันนี้หลายคนติดอยู่กับ mobile device เป็นส่วนใหญ่
คือเมื่อเราถือโทรศัพท์อยู่ในมือ เราก็คิดว่าจะต้องเปิดดูตลอดเวลา
แต่ลองเปลี่ยนความคิดดูว่า
เมื่อเราทำงาน เราเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่
เราสามารถเปิดโปรแกรมทิ้งไว้ได้
โปรแกรมอย่างเช่น TweetDeck
สามารถเก็บ tweet ได้คอลัมน์ละ 1000 ข้อความ
โดยเราสามารถแบ่งเป็นหมวดหมู่เอาไว้อย่างชัดเจน
เป็นเพื่อนในกลุ่ม A, เพื่อนในกลุ่ม B, ญาติ หรือคนพิเศษ
แต่เราให้โปรแกรมเตือนเราก็ต่อเมื่อมี reply หรือ DM มาเท่านั้น
เราก็สามารถทำงานได้อย่างมีความสุข
พอมีเวลา หรือพักจากหน้างาน เราก็สามารถ scroll อ่านข้อความทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
ข้อความไหนเป็นลิงก์น่าสนใจ ก็กด favorite เอาไว้
แล้วค่อยกลับไปอ่านภายหลัง มันไม่หายไปไหนหรอก
(มันมีให้ใช้ ใช้กันหน่อยเด้อพี่น้อง)
ถ้าทำแบบนี้ได้ จะลดการติดทวิตเตอร์ไปได้เยอะทีเดียว

การฟังเพลง
อันนี้บอกยากเหมือนกัน
บางคนสามารถทำงานไปด้วย ฟังเพลงไปด้วยได้
แต่บางคน ถ้าเงียบๆ จะมีสมาธิดีกว่า
ตรงนี้ก็ลองมองตัวเองว่าเป็นแบบไหนนะ
แต่ช่วงพักเมื่อไหร่
ขอให้เปิดเพลงซะ
…อ้าว…
มีข้อมูลที่น่าสนใจตรงที่ว่า
คนเรา เมื่ออยู่คนเดียว จะสะสมความเครียดขึ้นเรื่อยๆ
การพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน
นั่งติดกัน หรือการคุย msn / twitter พอจะช่วยได้บ้าง
แต่การคุย msn / twitter นั้นอาจถูกเพ่งเล็งว่าไม่ได้ทำงานเสียมากกว่า
ครั้นเมื่อต้องทำงานเงียบๆ คนเดียว
ถึงเวลาพัก ก็ให้เปิดเพลงฟัง
ร้องตามไปเบาๆ บ้าง
นอกจากจะช่วยลดความเครียดแล้ว
ยังเป็นการลดน้ำลายบูดจากการที่ไม่ได้คุยกับใครได้อีกด้วย
นอกเหนือจากเวลาทำงาน เช่นขณะนั่งรถ ก็อาจเปิดเพลงได้ตลอด
ชาวไอโฟน ฟังเพลงไปด้วย tweet ไปด้วยก็ยังได้

การดูหนัง ภาพยนตร์ และทีวีซีรีส์
เคยมีหลายคนสงสัยว่าแมวดื้อเอาเวลาที่ไหนไปดูทีวีซีรีส์
คำตอบก็คือ โดยหลักเลยก็เป็นตอนเดินทาง
แมวดื้อเป็นคนที่จะไม่ชอบนั่งดูผู้คนรอบข้างสักเท่าไหร่นัก
(ถ้าเจอแล้ว..ไม่ทัก ไม่ใช่หยิ่ง แต่อาจไม่เห็น หรือไม่ได้สังเกตจริงๆ แหะ..แหะ)
คือตอบตัวเองไม่ได้สักที ว่านั่งจ้องไปแล้วได้อะไร
คืออาจจะมองแว่บนึงว่ารอบๆ ตัวเป็นใครบ้าง นักเรียน คนทำงาน
หรืออะไรแค่นั้น ไม่ได้มองไปจนเห็นว่ามีสิวกี่เม็ด มีผมหงอกกี่เส้นแล้ว
แมวดื้อจะใช้เวลาตรงส่วนนี้ดูทีวีซีรีส์ ซึ่งส่วนใหญ่จะประมาณ 45-50 นาที
เวลาไปไหนมาไหน อย่างน้อยในหนึ่งวันที่ต้องเดินทาง ก็จะสามารถดูได้จนจบตอน
ถ้าไม่เดือดร้อนคนข้างๆ นะ
ไม่ใช่ว่าอัดแน่นเป็นปลากระป๋องในรถไฟฟ้า ปานว่าจะเป็นผัวเมียกันแล้ว
แต่กระแดะจะควักโทรศัพท์ขึ้นมาจะดูซีรีส์ อันนั้นก็เกินไป
อีกเวลาหนึ่งที่แมวดื้อมักจะดูซีรีส์เป็นประจำ นั่นคือก่อนนอน
ช่วงเวลาตั้งแต่เราล้มตัวลงนอน ก่อนถึง stage 1 ของการนอนหลับ
บางครั้งก็ทำให้เราสามารถดูซีรีส์ได้จบ 1 ตอนได้อย่างง่ายๆ

สิ่งบันเทิงเริงใจเหล่านี้
หากมองกันจริงๆ แล้ว แต่ละกิจกรรมไม่ได้ต้องการเวลามากมายเลย
เพียงแต่เราสามารถจับมันไปแทรกในเวลาต่างๆ ได้อย่างพอดีหรือไม่

เอิ้ก.. ว่าจะเขียนสั้น
ลากยาวเลย
เอนทรีนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน ถ้าคิดอะไรเพิ่มเติมได้จะเขียนตอนต่อไปแล้วกัน
หากเพื่อนๆ ท่านใดมีทิปดีๆ ในการบริหารเวลา ก็แลกเปลี่ยนกันได้ครับ

ทุกคนมีเวลาเท่ากันในหนึ่งวัน
จงใช้เวลาอย่างมีค่าและมีความสุขเถิด