แมวดื้อเขียนรีวิวเอาไว้
แต่ไม่ได้เอาไปลงที่ไหน
บล๊อกว่างๆ เอามาลงแล้วกันเนอะ
จะทิ้งไปก็เสียดาย
=========
Buffalo Air Station NFINITI HighPower Giga
ในยุคแห่งการสื่อสารแบบไร้พรมแดนเช่นปัจจุบัน การเข้าถึงโลกอินเทอร์เนท เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ได้รับข่าวสารข้อมูลได้อย่างรวดเร็วฉับไว ยิ่งหากอยู่ในโลกของธุรกิจ การมีข้อมูลอยู่ในมือมากๆ ยิ่งทำให้ได้เปรียบคู่แข่ง โดยหลักแล้ว ปัจจัยการเข้าถึงโลกอินเทอร์เนท แบ่งเป็นสองส่วนกว้างๆ ได้แก่ความเร็วของอินเทอร์เนท ซึ่งส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการอินเทอร์เนท และส่วนที่สองคืออุปกรณ์เชื่อมต่อ บางครั้งอุปกรณ์การเชื่อมต่อถูกมองข้ามไป อาจเพราะขาดความรู้ความเข้าใจในอุปกรณ์เชื่อมต่อ, หลงเชื่อคำโฆษณา (เกินจริง) หรือคิดว่าอุปกรณ์เหล่านี้จะสามารถใช้งานได้ตลอดไป ทำให้ใช้งานอุปกรณ์เชื่อมต่ออย่างไม่เหมาะสม
ผมได้รับอุปกรณ์ชิ้นนี้มาทดสอบใช้งาน ซึ่งพบว่ามีความสามารถหลายอย่างที่น่าสนใจ เลยหยิบมานำเสนอเป็นรีวิวสั้นๆ แต่คงต้องขออนุญาตออกตัวก่อนครับ เพราะว่าแทบจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ตัวนี้เลย ได้รับมาแค่ตัว Buffalo Air Station NFINITI HighPower Giga เพียงอย่างเดียว ไม่มีแพคเกจ ไม่มีคู่มือ ไม่มีแผ่นติดตั้งใดๆ เลยครับ ลองมาดูกันนะครับว่า Buffalo Air Station รุ่นนี้จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง
Part I: Hardware
AC Adapter
AC Adapter Information
รุ่น: WA-24E12
ประเภทของหัวปลั๊ก: Type A
ขนาด: กว้าง 2 นิ้ว x ยาว 3 นิ้ว x หนา 1.5 นิ้ว
น้ำหนัก: 100 กรัม
ความยาวสาย: 1.5 เมตร
Input: 100-240V 50-60Hz 0.65A (Max)
Output: 12V 2A
ก่อนอื่นเรามาดูที่ตัวอะแดปเตอร์กันก่อนครับ หลายท่านมักจะประสบปัญหาเวลาใช้งานอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคหลายๆ ตัว เวลาเสียบเข้ากับรางไฟแล้วจะซ้อนค้ำกัน หรือบางครั้งไม่สามารถใช้ร่วมกันได้เลย อะแดปเตอร์ตัวที่ได้รับมาเป็นหัวปลั๊กแบบ Type A (ขาตรง) ไม่ได้เป็นหัวปลั๊กมาตรฐาน สมอ. แต่ตามปกติแล้วปลั๊กไฟตามอาคาร หรือสถานที่อยู่อาศัยต่างๆ ในบ้านเราจะใช้ปลั๊กไฟที่มีลักษณะนี้ได้อยู่แล้วครับ ตัวอะแดปเตอร์มีขนาด 2 นิ้ว x 3 นิ้ว x 1.5 นิ้ว หากใช้งานร่วมกับรางปลั๊กไฟ อาจต้องเสียบในปลายด้านใดด้านหนึ่งครับ ไม่เช่นนั้นจะเสียช่องปลั๊กข้างๆ ไป
Buffalo Air Station NFINITI HighPower Giga
Buffalo Air Station Information
รุ่น: WBMR-HP-G300H
ขนาด: กว้าง 6 นิ้ว x สูง 6.5 นิ้ว (ไม่รวมเสา) x หนา 1 นิ้ว
เสา: สูง 4 นิ้ว
น้ำหนัก: 300 กรัม
ตัว Buffalo Air Station NFINITI HighPower Giga (ต่อไปในบทความนี้ขอเรียกสั้นๆ ว่า Air Station นะครับ) ผลิตจากพลาสติกบาง ซ้อนทับกันสองชั้น เพื่อช่วยในการระบายความร้อน สามารถป้องกันฝุ่นละลองได้ในระดับหนึ่ง แต่ต้องระวังเรื่องของเหลว หากเผลอทำน้ำหกรด อาจทำให้ Air Station รุ่นนี้เสียหายได้แทบจะทันที จากการทดสอบเปิดการใช้งานต่อเนื่องกัน (โดยไม่มีการปิดเครื่อง) นานกว่าสองสัปดาห์ ไม่พบปัญหาเรื่องความร้อน แม้จะอยู่ในห้องอุณหภูมิปกติ (ไม่ได้เปิดแอร์) หรือปัญหาระบบค้างจากความร้อน จนทำให้ต้องรีสตาร์ท Air Station ดังเช่นอุปกรณ์บางยี่ห้อ
ด้านหน้าของ Air Station จะเป็นพลาสติกผิวมันสีดำ มีโลโก้ Buffalo และชื่อรุ่น Air Station NFINITI HighPower Giga บอกเอาไว้ทางฝั่งซ้ายมือ ส่วนฝั่งขวามือจะเป็นป้ายกำกับปุ่มและไฟแสดงสถานะที่อยู่ด้านขวามือของ Air Station ตัวอักษรและโลโก้ทั้งหมดเป็นแบบลายพิมพ์นูน ทำให้มีความคมชัด ไม่เลือนหายไปโดยง่าย แม้ว่าพลาสติกผิวมันด้านหน้าของ Air Station จะเปื้อนรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย แต่ก็สามารถเช็ดทำความสะอาดออกได้ง่ายเช่นเดียวกัน เพียงใช้ผ้าแห้งเช็ดเป็นวงกลมเบาๆ ก็เพียงพอแล้วครับ
ด้านขวาของ Air Station จะที่อยู่ของปุ่ม AOSS (AirStation One-Touch Secure System), ไฟแสดงสถานะการทำงาน การเชื่อมต่อ รวมถึงปุ่มเปิดปิดการทำงานของ Movie Engine ด้วยครับ ไฟสีเขียวแสดงถึงการทำงาน ไฟสีส้มแสดงถึงการไม่งาน ส่วนไฟสีแดงกระพริบหมายถึงกำลังเชื่อมต่อ หรือตั้งค่าอยู่ครับ ส่วนไฟแสดงสถานะของ Movie Engine นั้นจะปรากฏขึ้นมา ก็ต่อเมื่อเลื่อนสวิชต์เป็น ON เท่านั้นครับ
* จากรูปเป็นตัวอย่างการแสดงไฟสถานะเท่านั้น ในสภาพการใช้งานจริง ไฟแสดงสถานะ DSL และ INTERNET นั้นจะติดเพียงดวงใดดวงหนึ่งเท่านั้นครับ
ด้านซ้ายของ Air Station จะเป็นที่อยู่ของช่องพอร์ทต่างๆ ไล่จากบนลงล่างได้แก่ ช่องสำหรับต่ออะแดปเตอร์, พอร์ทสำหรับ LAN 4 พอร์ท, ปุ่ม USB eject, พอร์ท USB และพอร์ท DSL สำหรับใส่สายโทรศัพท์ (อินเทอร์เนท) การออกแบบวางตำแหน่งพอร์ทต่างๆ นั้นเรียกว่าค่อนข้างดี คือให้พอร์ท DSL กับช่องต่ออะแดปเตอร์อยู่ห่างจากกัน เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน แต่อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตตรงพอร์ท USB ตามลักษณะการใช้งาน ในกรณีที่เราต่อกับ external hard drive เพื่อใช้งานร่วมกับ Air Station จะพบว่าการใช้งานจริง เราต่อ/ถอดสาย USB ค่อนข้างบ่อยกว่าถอดสาย LAN ดังนั้น การที่พอร์ท USB อยู่ทางด้านล่าง อาจจะไม่สะดวกเท่าใดนักครับ พอร์ท LAN ที่เห็นสีเหลืองนั้นจะมีแสงสีเหลืองออกมา เมื่อทำการต่อสาย LAN เข้าไป และจะกระพริบเมื่อมีการรับส่งข้อมูลผ่านพอร์ท LAN นั้นๆ
ด้านหลังของ Air Station มีเพียงรายละเอียดชื่อรุ่น และค่าดีฟอลต์มาตรฐาน IP address, username และ password ในกรณีที่รีเซตการตั้งค่า สามารถดูได้จากตรงนี้เลยครับ ถือว่าสะดวกดีมากครับ อุปกรณ์บางยี่ห้อนั้นหากไม่มีคู่มือก็แทบจะต้องหาจากอินเทอร์เนทแทน (แต่ใช้อินเทอร์เนทไม่ได้ แล้วจะหาได้อย่างไร ฮา) ตรงกลางมีร่องบางๆ สำหรับแขวนติดกับผนังได้ เนื่องจาก Air Station รุ่นนี้มีน้ำหนักเบา และมีช่องระบายอากาศอยู่รอบทิศ จึงไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องระบายความร้อน หากแขวน Air Station ไว้กับผนัง
ด้านล่างของ Air Station เป็นที่อยู่ของปุ่ม RESET และช่องสำหรับต่อฐานวาง ดังเช่นอุปกรณ์อื่นๆ ในกลุ่มนี้ แต่หากไม่ต่อกับฐานวาง ก็สามารถวางตั้งไว้ได้อย่างมั่นคง โดยไม่มีการเอนเอียงแต่อย่างใด ปุ่ม RESET อยู่ค่อนข้างตื้น ดังนั้นจึงสามารถใช้ปากกา หรือปากกาดินสอกดเข้าไปเบาๆ ก็ได้ครับ ซึ่งแตกต่างจากบางยี่ห้อที่ค่อนข้างลึก ดังนั้นหากไม่ตั้งใจจะ RESET Air Station ไม่แนะนำให้ลองกดเล่นครับ ไม่เช่นนั้นอาจต้องมานั่งตั้งค่าการทำงานกันใหม่หมดครับ
Part II: Installation
การติดตั้ง Air Station ภายในบ้าน ใช้หลักการเดียวกับการใช้งานอุปกรณ์ในกลุ่มนี้ ซึ่งมีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ดังนี้
- วาง Air Station ให้ใกล้ Modem หรือช่องต่อสายโทรศัพท์ (อินเทอร์เนท) ให้มากที่สุด
- วาง Air Station ให้อยู่ตรงกลางพื้นที่ ที่เราจะใช้งานให้ได้มากที่สุด
- วาง Air Station ไว้ด้านบนจะดีกว่าด้านล่าง อันนี้ไม่ได้หมายถึงชั้นล่างกับชั้นบนของบ้านนะครับ หากแต่หมายถึงถ้าเลือกระหว่างวาง Air Station ไว้บนชั้นหรือโต๊ะ จะดีกว่าวาง Air Station ไว้กับพื้นครับ
การตั้งค่าการทำงานนั้นหากเป็น Air Station ที่จำหน่ายโดยทั่วไป จะมี Installation CD มาให้ด้วย ซึ่งภายในจะมีโปรแกรมช่วยการตั้งค่า สามารถทำตามขั้นตอนที่ปรากฏขึ้นมาได้โดยง่าย การตั้งค่าพื้นฐานอย่างง่ายจะถูกตั้งค่าโดยอัตโนมัติ แต่สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ ผมใช้วิธีตั้งค่าผ่าน Air Station Configuration Tool โดยการเปิดเว็บบราว์เซอร์เข้าไปตั้งค่าโดยตรง อย่างไรก็ดี Air Station Configuration Tool นั้นก็มี Setup Wizard มาด้วย ทำให้สามารถตั้งค่าได้สะดวกมากครับ
* Buffalo นั้นเน้นย้ำเรื่อง “ลำดับ” การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ก่อนการใช้งานเป็นสำคัญครับ โดยแนะนำให้เสียบสายโทรศัพท์ (อินเทอร์เนท) เข้ากับ Air Station เอาไว้ก่อน แล้วค่อยเปิด Air Station หลังจากนั้นแนะนำให้รอประมาณหนึ่งนาทีแล้วค่อยเสียบสาย LAN เพื่อเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์และตั้งค่าต่อไปครับ
Part III: Software
Software Information
รุ่น: WBMR-HP-G300H
เวอร์ชัน: 1.74 (R1.90/B2010/12/17 17:07:36 JST)
เมื่อเปิดเว็บบราว์เซอร์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วป้อน 192.168.11.1 ลงในช่อง URL จากนั้นจะมีหน้าต่าง popup ขึ้นมาให้ใส่ username และ password ตามข้อมูลที่อยู่บนด้านหลังของ Air Station ก็จะเข้าสู่ Air Station Configuration Tool ครับ ซึ่งเราสามารถเปลี่ยน IP, username และ password ได้ภายหลังครับ
Air Station Configuration Tool อาจจะดูซับซ้อนสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่คุ้นเคยอุปกรณ์เสริมประเภทนี้ ยิ่งหากเป็นรุ่นที่ยิ่งมีคุณสมบัติเสริมมากมาย จะยิ่งมีเมนูมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งแนะนำให้มองเป็นส่วนๆ ตามที่ Buffalo นั้นแนะนำครับ จะได้ไม่สับสน ดังนี้
A เป็นส่วนของหมวดหมู่ (Categories) ที่แบ่งหัวข้อออกเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น Setup, Internet/LAN, Wireless Config, Security, LAN config, NAS, Admin Config และ Diagnostic
B เป็นส่วนของเมนูย่อย (Submenus) ที่แบ่งเป็นเมนูย่อยในแต่ละหมวดหมู่ ดังนี้
Setup
- Wizards & Overview
Internet/LAN
- ADSL
- DDNS
- VPN Server
- LAN
- DHCP Lease
- NAT
- Route
Wireless Config
- WPS
- AOSS
- Basic (11n/g/b)
- Advanced (11n/g/b)
- WMM (11n/g/b)
- MAC Filter
- Multicast Control
Security
- Firewall
- IP Filter
- VPN Pass Through
LAN Config
- Port Forwarding
- DMZ
- UPnP
- QoS
- Movie Engine
NAS
- Disk Management
- Shared Folder
- User Management
- Shared Service
- Web Access
- Media Server
- BitTorrent
Admin Config
- Name
- Password
- Time/Date
- NTP
- ECO
- Network-USB
- Access
- Log
- Save/Restore
- Initialize/Restart
- Update
Diagnostic
- System Info
- Logs
- Packet Info
- Client Monitor
- Ping
- DSL Connection
D เป็นส่วนช่วยเหลือ (Help) และขั้นตอน (Instructions) รวมถึงคำอธิบายคำศัพท์ต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในการตั้งค่าส่วนต่างๆ
สำหรับผู้ใช้งานระดับกลางถึงระดับสูง จะทราบอยู่แล้วว่าต้องตั้งค่าให้เหมาะสมกับการใช้งานของตนเองอย่างไร แต่สำหรับผู้ใช้งานระดับเริ่มต้นอาจจะงงเล็กน้อย ซึ่งทาง Buffalo ก็ได้มีตัวช่วย สำหรับการตั้งค่าพื้นฐาน (Basic Settings Wizards) ที่อยู่ในหมวดหมู่ Setup นั่นเองครับ เพียงแค่คลิ้กไม่กี่คลิ้กแล้วก็นั่งรอให้ Air Station ตั้งค่าพื้นฐานโดยอัตโนมัติได้เลยครับ
- หากวางแผนจะใช้งาน Air Station ร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อผ่านทางสาย LAN เท่านั้น ก็เพียงเลือก Run the Internet Connection Wizard (Easy Setup) อย่างเดียวก็พอครับ
- หากวางแผนจะใช้งาน Air Station ร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กโทรนิคอื่นๆ ผ่านทาง Wireless LAN (WiFi) ก็แนะนำให้เลือก Wireless SSID & Channel (11n300Mbps Mode) และ Wireless Encryption (WEP/TKIP/AES) เพิ่มเติมครับ
- หากวางแผนจะเชื่อมต่อเกมคอนโซลเข้าอินเตอร์เนท หรือให้เครื่องคอมพิวเตอร์ใช้งาน BitTorrent ก็แนะนำให้เลือก Internet Games (Port Forwarding) เพิ่มเติมครับ
การตั้งค่าในส่วนต่างๆ ผมคงไม่ลงในรายละเอียดนะครับ แต่ก็แนะนำให้ลองหมั่นเข้ามาดูเมนูหมวดหมู่ Diagnotic เป็นประจำครับ เพราะนอกจากจะแสดงการทำงานของระบบแล้ว ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อต่างๆ ซึ่งจะทำให้ทราบว่ามีใครแอบใช้งานอินเทอร์เนทของเราอยู่หรือไม่ด้วยครับ
Part IV: Performance
ในบทความนี้ ผมขออนุญาตข้ามผลการทดสอบเชิงลึกตามสเปคของผลิตภัณฑ์ไปนะครับ เนื่องจากไม่มีข้อมูลรายละเอียดของผลิตภัณฑ์เลยทำให้ไม่สามารถเปรียบเทียบได้ครับ แต่ขอแสดงข้อมูลการใช้งานจริงบางส่วนครับ
- ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เนท อ้างอิงข้อมูลตาม ISP ที่ใช้งานพบว่าสามารถเชื่อมต่อได้เต็มความเร็วที่ประกาศไว้
- ความเร็วในการรับส่งข้อมูลใน local network จากรหัสรุ่นของ Air Station ตัวนี้ เดาคร่าวๆ ว่าน่าจะสามารถตั้งค่าเพื่อให้รับส่งข้อมูลผ่านทาง Wireless LAN ใน local network ด้วยความเร็วประมาณ 300 Mbps ได้ แต่จากการลองตั้งค่าทั้งแบบแมนนวลและใช้เมนูตั้งค่า ความเร็วสูงที่สุดที่ใช้งานได้คือ 144 Mbps เท่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากระบบปฏิบัติการและฮาร์ดแวร์เครื่องคอมพิวเตอร์ที่นำมาทดสอบครับ ส่วนการรับส่งข้อมูลผ่านทาง Eternet (LAN) นั้นพบว่าได้ความเร็วที่ 1Gbps ครับ
- ทดสอบพื้นที่การใช้งาน WiFi ทดสอบโดยการหยิบผลิตภัณฑ์ของ Apple มาทดสอบ เนื่องจากระดับสัญญาณ WiFi ที่ปรากฏบนผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้น ไม่ได้เป็นระดับความแรงของสัญญาณ แต่เป็นระดับความสามารถในการเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูล ในการใช้งานจริง ถึงแม้ว่าระดับสัญญาณจะสูง แต่ความสามารถในการเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลอยู่ในระดับต่ำ ก็คงไม่ดีนัก ผลการทดสอบพบว่า พื้นที่การใช้งานในแนวราบอยู่ที่ประมาณ70-75 เมตร ทดสอบโดยการวาง Air Station ไว้ที่ชั้น 1 ในอาคารพาณิชย์ จากนั้นลองทดสอบเชื่อมต่อ (นอกอาคาร) เป็นระยะ หากเป็นทิศทางที่เปิดโล่งสามารถใช้งานได้ค่อนข้างดี แต่หากอยู่ใกล้อุปกรณ์บางประเภท เช่น ตู้ ATM, ตู้โทรศัพท์, ตู้ชุมสายโทรศัพท์, ลำโพงที่มีกำลังขยายสูงๆ ความสามารถในการเชื่อมต่อจะลดลง ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะทาง ยกตัวอย่างเช่นการใช้งาน WiFi หน้าตู้ ATM ที่อยู่ห่างจาก Air Station ประมาณ 20 เมตร ไม่ค่อยดีนัก เมื่อเทียบกับการใช้งาน WiFi หน้าป้ายรถโดยสารประจำทางที่อยู่ห่างจาก Air Station ประมาณ 60 เมตร ส่วนพื้นที่การใช้งานในแนวสูงนั้น อาคารพาณิชย์ที่ทำการทดสอบมีความสูงประมาณ 15 เมตร ที่ดาดฟ้าของอาคารยังคงสามารถเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลได้ แต่ไม่ค่อยดีนัก ระดับความสูงที่สามารถเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลได้ดีอยู่ในช่วง 10 เมตรครับ
- ทดสอบการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ทดสอบด้วยการเปิด Air Station ทิ้งไว้เป็นระยะเวลา 30 วัน ไม่พบการทำงานที่ผิดปกติใด ไม่ต้องมีการ reset หรือ restart Air Station ใดๆ โดยในช่วงเวลาดังกล่าว เชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำงานตลอดเวลาเช่นเดียวกัน และไม่ได้ใช้ ECO mode แต่อย่างใด แต่เมื่อทำการทดสอบ ECO mode โดยการตั้งให้ ECO mode ทำงานในช่วง 02.00-08.00 ของทุกวัน พบว่าในวันที่ 10 ของการทดสอบ การรับส่งข้อมูลภายใน local network ไม่มีปัญหา แต่ไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เนทได้ ทดสอบซ้ำให้ผลที่ใกล้เคียงกัน (ครั้งที่ 2 พบปัญหาในวันที่ 9 ของการทดสอบ) เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุเป็นเรื่อง dynamic DNS ขณะระบบปรับกลับมาสู่โหมดทำงานตามปกติครับ
สรุปโดยรวม นับว่า Buffalo Air Station NFINITI HighPower Giga เป็น Air Station อีกรุ่นที่มีความน่าสนใจ ทั้งในด้านรูปลักษณ์ภายนอก, คุณสมบัติหลากหลาย รวมถึงความสามารถในการใช้งานจริง หากเป็นผู้ใช้งานทั่วไป ซื้อมาแล้วสามารถใช้งานได้นานจนลืมไปเลยครับ สำหรับผู้ใช้งานระดับกลางและระดับสูงนั้นอาจพิจารณาเรื่องความสามารถเพิ่มเติม แต่หากมีการใช้งาน Buffalo Linkstation อยู่แล้ว รับรองได้ว่า เข้าคู่กันอย่างดีทีเดียวครับ
=========
Copyright www.ibluewind.com