Ta-lad-nam-Bang-nam-phung

จากเมื่อวานซืนที่ท่านแม่บ่นอยากไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
วันนี้ก็เลยได้ฤกษ์ไปทัศนาเสียหน่อย
ตามปกติแล้ว ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งจะเปิดทำการ
เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์
ช่วงเวลา 07.00 น. – 14.00 น.
แต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ ปีนี้มีกิจกรรมมากมาย
อาทิเช่น

 

– เที่ยวชมตลาดน้ำบางน้ำผึ้งที่เปิดดึกถึงเที่ยงคืน (วันที่ 29 – 31 ธันวาคม 2550) พร้อมชมการแสดงพื้นบ้าน การแสดงพื้นเมือง และกีฬาสานสามัคคีของชุมชน
– ทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง 9 วัด (วัดบางขมิ้น, วัดจักแดง, วัดบางกระสอบ, วัดกองแก้ว, วัดบางกอบัว, วัดบางน้ำผึ้งใน, วัดบางน้ำผึ้งนอก, วัดราษฎรรังสรรค์, วัดบางกะเจ้ากลาง)พระสงฆ์ 80 รูป รับบาตรในวันที่ 1 มกราคม 2551 ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป ณ ถนนทางเข้าองค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้ง
– ล่องเรือชมหิ่งห้อยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา (วันที่ 29 – 31 ธันวาคม 2550 และวันที่ 1 มกราคม 2551) ณ วัดบางน้ำผึ้งนอก
– ชมนิทรรศการความสำเร็จของชุมชนบางน้ำผึ้ง “ฉลอง 2 รางวัลเกียรติยศ” ได้แก่ รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ประจำปี 2550 และ รางวัลชุมชนคนรักษ์น้ำ ในโครงการเจ้าพระยาสดใส เทิดไท้องค์ราชันฯ
– ชมพลุนานาชาติหลากสีเต็มท้องฟ้ามากกว่า 800 ดวงในวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ (วันที่ 31 ธันวาคม 2550 เวลา 24.00 น.)
– ชมการประกวดพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ อาทิ โกสน, หมากแดง, หมากผู้หมากเมีย
– เลือกซื้อพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับและกิ่งพันธุ์มะม่วงคุณภาพ

ตอนแรก สนใจทัวร์หิ่งห้อยอยู่บ้าง
แต่ไม่ได้ขับรถไป เลยคิดว่าขากลับน่าจะลำบากพอสมควร
แต่ยังไงเดี๋ยวดูสถานการณ์อีกที

เริ่มจากนัดท่านแม่ไว้ตอนเที่ยงที่ MRT ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
แล้วนั่ง taxi meter มาที่ท่าเรือ (บอกเค้าว่าไปที่วัดคลองเตยนอก)
การเดินทางเริ่มจากนั่งเรือจากท่าเรือคลองเตย ไปขึ้นที่ท่าเทียบเรือเพ็ชรหึงษ์
ค่าโดยสารคนละ 15 บาท เป็นเรือขนาดเล็ก จ่ายเงินที่ท่าเรือคลองเตยเลย
แดดร้อนมากๆ แต่บอกท่านแม่ให้เตรียมหมวกมาแล้ว


ไปด้วยเรือแบบนี้แหละ ระยะเวลาประมาณ 20 นาที


แดดร้อน ลมแรง เรือเหินข้ามฟองคลื่นไปเรื่อย
น้ำกระเซ็นมาโดน filter หมดเลย
รูปหลังจากนี้ เสียไปเกือบหมด เพราะว่าเป็นรอยหยดน้ำเต็ม T-T


คนขับเรือบอกว่า ถ้าจ่ายเพิ่ม (ให้คนขับ) ก็จะไปส่งถึงบางน้ำผึ้ง
แต่เราไม่ชอบพวกซิกแซก ไม่ผ่านคนขายตั๋ว เลยไม่ไป
ขึ้นจากเรือ filter เริ่มแห้ง ถ่ายรูปกันหน่อย
ชื่อประหลาดดี

จากตรงนี้มีสองวิธีที่จะไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ก็คือนั่งมอร์เตอร์ไซต์ คนละ 20 บาท
ซ้อน 2 คน มันก็คิด 40 บาท อยู่ดี
นั่งคนเดียวปลอดภัยกว่า
หรือ
เดินผ่านวินมอร์เตอร์ไซต์ไป แล้วขึ้นรถบัสไปก็ได้
เนื่องจากเริ่มหิวแล้ว
เราเลยเลือกซ้อนมอร์เตอร์ไซต์ไป
พอไปถึงหน้าตลาด มีป้ายเตือนนักท่องเที่ยว ว่าอย่าซ้อนมอร์เตอร์ไซต์
ตามกฏของที่นี่ มอร์เตอร์ไซต์ 1 คัน รับผิดชอบผู้โดยสารคนเดียว
ประมาณว่า ถ้าซ้อนไปอีกคน แล้วเกิดหล่นตุบลงมา คนขับก็ไม่รับผิดชอบ ประมาณนั้น
-*-


มาถึงแล้ว ถ่ายรูปป้ายเสียหน่อย ต้นไม้ข้างหน้าป้ายรกกว่าที่เคยเห็นในเนทนะ 😛


ห่อหมกหม้อดิน ของกินอย่างแรกที่เจอแล้วน่าสนใจ
ท่านแม่บอกทริคในการเดินตลาดน้ำ ก็คือให้ซื้ออันเดียว ลองกินดูก่อน
ถ้าอร่อยค่อยกลับมาซื้อ อย่าซื้อไปก่อน เพราะถ้าไม่อร่อย ก็ทิ้งหมด
นี่มีห่อหมกกระหล่ำ ห่อหมกใบโหระพา ห่อหมกใบกระเพรา
ท่านแม่ซื้อห่อหมกใบโหระพามาอันนึง


โดนัทหมู เป็นอย่างที่สองที่เข้าตากรรมการ
เป็นไอเดียที่ใช้ได้ นำหมูบดผสมกับข้าวโพด แครอท ปั้นก็ก้อนๆ
แล้วก็ใส่ในเตาคล้ายเครื่องปิ้งขนมปัง
กดออกมา เป็นรูปโดนัท
กินแล้วหมูเยอะ แต่ท่านแม่บอกว่า น่าจะข้าวโพดเยอะกว่านี้หน่อย
เอ.. ตกลง หมูเยอะ หรือข้าวโพดเยอะดีกว่ากันเนี่ย
ข้าวโพดเยอะมันก็ต้นทุนถูกกว่าหมูสิ.. ท่านแม่ – -“


ขนมถ้วยโบราณ เคี่ยวน้ำตาลปึกกันข้างๆ


คนรอต่อแถวซื้อเจ้านี่เยอะมาก
ถ่ายรูปไว้ก่อน ยังไม่ทันเห็นว่าเป็นอะไร เดี๋ยวกลับมาอีกที


เดินผ่านอาหารนานาชนิด เริ่มหิวจัด หาที่นั่งเลยแล้วกัน
ตรงนี้มีก๋วยเตี๋ยวหลอด ก๋วยเตี๋ยวเรือ ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ หมูสะเต๊ะ
หลายอย่างดี นั่งตรงนี้แล้วกัน
สั่งก๋วยเตี๋ยวหลอดมาก่อนเลย
รสชาดพอใช้ได้ แต่ติดหวานไปหน่อย


ไข่ลงหลุม หรือไข่นกกระทาครกนั่นเอง
กินร้อนๆ อร่อยเลย (หรือว่าหิวหว่า)


ห่อหมกที่ท่านแม่ซื้อมาเมื้อกี้
เนื้อด้านล่างติดมันหน่อยนึง
น่าจะเป็นเพราะกะทิ
ไม่เผ็ด แต่มัน เนื้อห่อหมกเละไปนิด
สรุปแล้ว โหวต ไม่ผ่าน เลยไม่ได้กลับไปซื้ออีก 😛


โต๊ะข้างๆ จะไปซื้อเจ้านี่ แต่มาบ่นว่าต้องรออีกนาน
เลยตามไปถ่ายรูป
มันคือ “ปากเป็ด” มันกินตรงไหนหว่า
ทางสัตวแพทย์ มันไม่มีหนัง ไม่มีเนื้อ ไม่มีอะไรให้สามารถกินได้เลย
แต่ก็มีคนรอต่อแถวซื้อกันเยอะ


บ่ายสอง เริ่มอิ่มแล้ว นักชิมบางตาลงเห็นได้ชัด
จะได้จำไว้ว่าช่วงเที่ยงคนเยอะ
ถ้าไม่คิดจะมากินข้าวเที่ยงที่นี่ ก็อย่ามาช่วงนั้น น่าจะดีกว่า
เดินกันต่อ ไปเจอขนมเบื้อง
ที่มีความลับตรงที่ใช้เตาแก๊ส แต่ว่าเอาเตาถ่านครอบหลอกตาเอาไว้
เหอ..เหอ


ร้านนี้ขายภาษามอญ 10 วันคำ
แปลว่าปีนึงรู้ไม่ถึง 40 คำ
กว่าจะรู้ทั้งหมด ใช้เวลากี่ปีเนี่ย ฮ่า..ฮ่า


ร้านนี้ขายโปสการ์ด มีตู้ไปรษณีย์ส่งได้ด้วย
นึกถึงปายขึ้นมาเลย
ที่น่าสนในของร้านนี้ ดูจะเป็นตุ๊กตา red devil กับเจ้า spider นี่


เดินจนสุดทาง วกกลับมาเส้นทางเดิม
ร้านนี้คนน้อยแล้ว


มันคือ หอยทอดครกนั่นเอง
เหมือนขนมครก แต่แทนที่จะเป็นไข่นกกระทา (ไข่ลงหลุม)
ก็กลายเป็นหอยทอดแทน


ขนมหวานที่นี่มีทั้งซาหลิ่ม ทับทิมกรอบ ลอดช่อง แต่ไม่ยักมีเฉาก๊วยแฮะ


มะกล่ำตาแดง กับ มะกล่ำตาหนู
จำกันได้ไหม ตอนเด็กๆ เคยเรียนจากวิชาภาษาไทย แต่ไม่ค่อยได้เห็นจริงๆ กันสักที

เดินจนวนกลับเกือบถึงทางเข้า เจอกิจกรรมนี้
คนมาร่วมกันเชียร์ “มวยทะเล”
ถ้าจะว่ากันให้ถูกน่าจะเป็น “มวยแม่น้ำ” มากกว่า 😉


มวยคู่แรก ทั้งสองฝ่ายขึ้นสังเวียนได้


แก๊ง แก๊ง กรรมการบอกเริ่ม ฝ่ายน้ำเงิน เดินหน้าเข้าไปลุยทันที
ตูม! ฝ่ายแดงร่วง จากฤทธิ์หมัด แต่ฝ่ายน้ำเงินก็เสียหลัก ลงน้ำเช่นเดียวกัน


ยกสอง พอเริ่ม ฝ่ายน้ำเงินก็เล่นสูตรเดิม
ตุ๊ยท้อง จนเอาชนะมาได้


คู่ต่อมา ฝ่ายแดง ได้เปรียบช่วงแขนยาว ดันแขนฝ่ายน้ำเงินขึ้น


จากนั้นก็ดึงลงมา ฝ่ายน้ำเงินก็ร่วง แต่ก็หนีบอยู่นาน จนยอมตกน้ำไป
เรียกเสียงฮาจากฝูงคนได้พอสมควร แม่ค้าตะโกนจะให้รางวัลปลอบใจกันไปตามระเบียบ

หลังจากนั้นก็เดินเส้นทางสุดท้ายก่อน ตัดสินใจกลับ
เพราะจากเส้นทางแล้ว กลางคืนน่าจะกลับลำบาก
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งไกลจากท่ารถกลับกทม. พอสมควร
แม้ว่าจากท่ารถจะข้ามสะพานก็มายังฝั่งกทม.ได้เลยก็ตาม


ขนมนางเล็ด ปั้นม้วนเป็นก้อน


น้ำสารพัด ขายพร้อมเครื่องดินเผา


ก๋วยเตี๋ยวกะลา น่ากินดี แต่ว่าอิ่มมั่กๆ ไว้คราวหน้าแล้วกันนะ


ป้ายโก๋ยักษ์ ปักษ์ใต้ ใหญ่อลังการ เหนือทางเดิน


เดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็เจอร้าน สาวน้อยคนขาย เห็นกล้องเลยรีบมุดใต้ร้านเลย สงสัยอาย


ปิดท้ายด้วยขนมปังจระเข้ 3 ตัว 70 กินตัวเดียวก็อิ่มแล้ว ตัวใหญ่จริงๆ

จากนั้นก็เดินออกมา เรียกรถกระป้อ
เก็บคนละ 15 บาท
ถูกกว่ามอร์เตอร์ไซต์ขามาเสียอีก แถมยังวิ่งไกลกว่าตั้งเยอะ
รถกระป้อ ไปส่งตรงท่ารถพระประแดง
สามารถขึ้นรถเมล์สาย 138 ไปหมอชิต หรือ 82 ไปสนามหลวงได้
ถ้าหากอยู่แถวสาธุประดิษฐ์ – พระราม 3 เรียก taxi ข้ามสะพานนิดเดียวก็ถึงเลย
แล้วขาไป จะนั่งเรือทำไมฟร่ะเนี่ย –*

blog วันนี้ยาวมั่กๆ รูปเยอะด้วย แหะ..แหะ
ปิดท้ายด้วยรูปนี้ก่อนขึ้นรถกลับกทม.

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ในช่วงแรกที่เคยอ่านในเนท
น่าจะใกล้เคียงกับตลาดน้ำแห่งอื่น
แต่ปัจจุบัน เปลี่ยนไปเยอะมาก
อบต.บางน้ำผึ้ง คงจะพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว
แต่กลับกลายเป็นการทำให้นักท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์ “ไม่ประทับใจ” ไป
ตลาดน้ำ “ขาด” การจำหน่ายสินค้า อาหาร “บนเรือ”
อาหารที่แทบจะไม่มีสัตว์น้ำ
แทบทุกอย่างเป็นหมู ไก่ เนื้อ
แม้ว่าราคาอาหารที่นี่จะประมาณ 20-40 บาท
ถ้าเทียบกับตลาดน้ำตลิ่งชัน อาจจะมองว่า
“ถูกกว่า” มีร้านค้า “มากกว่า”
แต่ก็อาจจะสู้ไม่ได้กับสิ่งที่เรียกว่า
“บรรยากาศ” ของตลาดน้ำ
ยิ่งพอมีขายพรรณไม้มากมาย
ถ้าปิดตาไปปล่อย คงนึกว่าอยู่ที่สวนจตุจักรเป็นแน่แท้
แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยไป ก็แนะนำให้หาโอกาสไปสัมผัสสักครั้ง
มีความอบอุ่น เป็นกันเอง ของชาวบ้านบางน้ำผึ้ง
ที่คุณไม่สามารถหาได้หลายๆ ที่ในกทม.
^____^