เมื่อคืนนี้
นัดชาว twitter ไปกินข้าวมันไก่ แถวประตูน้ำ
แต่เนื่องจากมีงาน #mashcamp และ #fat fest
เลยทำให้ชาว twitter ที่คุยๆ กันอยู่ กระจัดกระจายไปยังแหล่งต่างๆ
สุดท้ายก็มี @kangg กับ @tvchampion ออกมากินด้วยกัน
เป้าหมาย ข้าวมันไก่ ประตูน้ำ เสื้อชมพู
มาถึงก็สั่งแล้วก็คุยกันแหลก
กว่าจะรู้ตัวก็ซัดโฮกหมดเป็นที่เรียบร้อย
คุยกับ @kangg ว่า เห็นชอบ twitpic รูปข้าวเหนียวมะม่วง
เห็นทีไรก็อยากกินทุกที
คราวนี้ ไม่ต้องอยาก อย่างเดียวแล้ว
ติดกับร้านข้าวมันไก่นี้ มีร้านขายข้าวเหนียวมะม่วงอยู่พอดี
ของคาวแล้ว ต่อกับของหวานทันที
หลังจากนั้น
ก็ไปคุยกันต่อที่ McCafe’ ที่เดิม (อัมรินทร์พลาซ่า)
สั่งคาปูชิโน่ร้อน แก้วใหญ่
ปกติสั่งแต่เย็น ลองสั่งดู
..ชอบมาก..
หอม รสชาดเข้มข้น แก้วใหญ่ นั่งละเลียดได้นานเลย
กว่าจะแยกย้ายกัน ก็ตีสาม (อีกหล่ะ)
กลับมาก็นั่งทำรูปงานหมั้นจิ๊บกับพี่แมค เพื่อลองเอาไปอัดดู
อาจเป็นเพราะคาปูชิโนด้วย ที่ไม่ง่วงเลย
ตาจะปิด (แต่สมองไม่ง่วง) ตอนประมาณหกโมงเช้า
นอนซะหน่อย
เก้าโมงเช้าตื่นดีกว่า
วันหยุดทั้งที อยากพัก.. นอนเฉยๆ สักวัน
แต่คิดไปคิดมา ออกไปข้างนอกดีกว่า
วันนี้ปล่อยให้หวานใจเขียนหนังสืออยู่บ้าน
ก็เลยฉายเดี่ยว
ตอนแรกจะเอาเลนส์กับแฟลชไปคืนน้องลูกพรุนด้วย
แต่โทรคุยกันแล้ว น้องลูกพรุนเกิดอยากถ่ายรูปขึ้นมา
ก็เลยนัดเจอกันที่เซนทรัลลาดพร้าว
แมวดื้อเอารูปไปอัดก่อน
ช่วงที่รอรูป ประมาณ 45 นาที
ก็เลยหาอะไรกินไปพลางๆ
แล้วก็คิดถึงร้านนี้ขึ้นมาได้
ร้านก๋วยเตี๋ยวใน ซอย ลาดพร้าว 1
ชอบก๋วยเตี๋ยวหมูที่ใส่ถั่วประมาณนี้
จากนั้นก็กลับไปเอารูป
ดูรูปแล้วหงุดหงิดเล็กน้อย สีดรอปลงไปนิดหน่อย
เรื่องอื่นๆ ถือว่ายอมรับได้ เพราะว่าเอาไฟล์ดิบมาอัดเลย
ยังไม่ได้ผ่านการปรับแต่งใน photoshop
พอเดินออกจากร้าน
ก็คุยกับน้องลูกพรุนว่าไปไหนกันดี
เกาะเกร็ด ตลาดน้ำอัมพวา สวนรถไฟ
สองอันแรก..ตกไป เพราะบ่ายสามกว่าแล้ว
ก็เลยมาตกอยู่ที่สวนรถไฟ
แต่ฉับพลัน ขณะเดินข้ามสะพานลอยจะไปสวนรถไฟอยู่นั้น
เมฆดำก็มาหยุดอยู่บนหัว
ถ้าเดินไปสวนรถไฟ แล้วฝนตก อันนี้ซวยสุดๆ เพราะแทบไม่มีที่หลบฝนเลย
เลยเปลี่ยนแผนใหม่
น้องลูกพรุนอยากไปวังหลัง
ก็เลย ok ลุยโล้ด
จากลาดพร้าว ก็มีสองทาง
BTS ไปสะพานตากสิน แล้วนั่งเรือไป
หรือไม่ก็
MRT ไปหัวลำโพง แล้วต่อรถไป
ซึ่งก็เลือกไปทาง MRT
พอขึ้นจากสถานี MRT หัวลำโพงได้
ก็มองหาป้ายรถเมล์
เดินข้ามถนนมาทางตรอกสุกร
เห็นอะไรแว่บๆ
** note: รูปวันนี้ process ด้วยเทคนิคใหม่ๆ ที่ไม่เคยลอง ทนๆ ดูกันหน่อยแล้วกัน **
มันคือจุดจอดรถที่ 1
รถรางสายหัวลำโพงนั่นเอง
ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เคยไปนั่งรถรางสายสนามหลวงกันไปแล้ว
เพิ่งรู้ว่ามีสายหัวลำโพงด้วย
มีรถรางจอดอยู่หนึ่งคัน
กับจุดจอดรถร้างๆ
วันนี้จะมีแล่นไหมเนี่ย
ก็ถ่ายรูปไปเพลินๆ
ไม่นาน ก็มีรถรางอีกคันวิ่งเข้ามาจอด
ว้าว… น่านั่งเล่น
วิ่งจากจุดจอดรถตรงนี้ เข้าสู่ถนนเยาวราช
จากนั้นก็เลี้ยวกลับ เข้าถนนเจริญกรุง ตรงแยกท่าน้ำราชวงศ์
กลับมาจอดที่เดิม
ไม่รู้ว่าความตั้งใจ ที่จะไปวังหลังกัน หายไปไหน
รีบกระโดดขึ้นรถรางทันที
คนขับรถราง ขอตัวจอดเข้าห้องน้ำ
ที่วัดไตรมิตร
ก็เลยโชคดี มีโอกาสถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย
ช่วยโปรโมตโครงการรถรางด้วย
ทำให้รอบนี้ ได้ผู้โดยสารเพิ่มอีกกลุ่มนึง
แผนที่ย่านเยาวราช
หน้าวัดไตรมิตร
ถนนนี้ จริงๆ สวยมาก
มีพรอพเยอะเลย
ตึกเก่าๆ ฉากหน้า ฉากหลัง มีต้นไม้ด้วย
แสงอาทิตย์ลอดช่อง ระหว่างต้นไม้พอดี
จับมา process สไตล์เลอะๆ (ไม่มีสไตล์)
ผ่านประตู หัวถนนเยาวราช
ฟ้าวันนี้สวยมาก
เหมาะแก่การถ่ายรูปวิวสุดๆ
จากนั้นรถรางก็วิ่งไปตามถนนเยาวราชเรื่อยๆ
แรกสุด.. อยากนั่งวนกลับไปแก้มือรูปที่ประตู หัวถนนอีกรอบ
เพราะรถรางวิ่งแบบเร็ว ถ่ายไม่ทัน ฮ่า..ฮ่า
แต่ว่า.. เมฆก้อนใหญ่ก็มาบังแดดพอดี
เลยตัดสินใจกระโดดลงจากรถ ที่แยกท่าน้ำราชวงศ์
น้องลูกพรุน ก็ยังคอนเฟิร์ม ว่าอยากไปวังหลังอยู่
ก็เลยคิดว่า งั้นเดินไปยังสะพานพุทธแล้วนั่งเรือต่อดีกว่า
เดินลัดเลาะไปตามทาง เรื่อยเปื่อย
แวะ 7-11 ซื้อน้ำ ข้ามถนนแล้วถนนเล่า
ทำตัวอย่างกับนักท่องเที่ยว
จนมาถึงเชิงสะพานพุทธฯ
วัดต่างๆ แถบนี้ จัดงานลอยกระทงกันแล้ว
ประดับประดาไปด้วยไฟต่างๆ ของกินในวัดเพียบ
วัดนี้ (จำชื่อไม่ได้)
พระปรางค์ สีตัดกับท้องฟ้าจริงๆ
พอถึงตรงนี้
ความตั้งใจ ที่จะลงเรือไปยังวังหลังก็ตกไป
เจอท้องฟ้าสวย แดดออก อากาศเย็นๆ
บรรยากาศสบายมาก
อยากให้หวานใจมาด้วยจัง
(แต่คงบ่นว่า เดิน (โครต) ไกล ฮ่า..ฮ่า)
ตัดสินใจ เดินขึ้นสะพานพุทธฯ กันเลย
** note: ถึงมันจะตอนเย็นแล้ว แต่ยังไม่ค่ำนะ แค่อยากปรับรูปให้มืดแค่นั้น **
ครั้งแรกกับการเดินบนสะพานพุทธเลย
บรรยากาศดีมาก
หนีจากสวนรถไฟมา
แต่อย่าคิดว่าจะหนีตากล้องได้
บนสะพานพุทธฯ ก็เป็นอีกจุดหนึ่ง ที่นิยมถ่ายพอร์ทเทรตกันที่นี่
มีกิจกรรมเยอะเหมือนกันนะนี่
บ้างก็ตกปลา บ้างก็ถ่ายรูป บ้างก็นั่งคุยกัน
บนสะพานก็ประดับประดาไปด้วยไฟ
ข้างล่าง เรือตำรวจ ก็คอยตรวจตราความเรียบร้อย
ชอบท้องฟ้าสีนี้
เดินบนสะพานพุทธฯ จนถึงอีกฝั่ง
แล้วลงบันได ไปขึ้นอีกด้านย้อนกลับมา
ด้านที่แล้ว ถ่ายรูปแล้วเห็นพระอาทิตย์
พอมาเดินอีกด้าน เห็นพระจันทร์แทน
แต่ฟ้าก็ยังสีฟ้าสวยเหมือนเดิม
รูปสุดท้ายบนสะพานพุทธ
ตั้งชื่อภาพว่า
“เพื่อน.. กรูรักเมิงว่ะ”
ลงจากสะพานพุทธก็หกโมงกว่าแล้ว
เอายังไงต่อดี
เดินไปปากคลองตลาดแล้วแยกย้ายกับน้องลูกพรุนดีไหม
เห็นร้านต่างๆ เริ่มขายกระทงกันแล้ว
ก็เดินดูกันเพลินๆ ไม่กล้าถ่ายรูป
เพราะกลัววาทะอันเชือดเฉือน ตามคำร่ำลือ
เดินจนถึงป้ายรถเมล์ ดูนาฬิกา ยังไม่ได้เวลากลับ (ตามปกติ) เลย
ก็เลยคิดว่า จะลากกันไปต่อ
ประมาณว่า ไม่ต้องแพลน (แล้วโว้ย)
ไปมันเรื่อยๆ นี่แหละ
ที่แพลนไว้ ไม่ได้ไปสักอย่าง
ฮ่า..ฮ่า
เดินผ่านปากคลองตลาดไป
เห็นมีร้านขายข้าว (แบบรถเข็น) อยู่ข้างทาง
มีโต๊ะวางอยู่ริมฟุตบาท
คนนั่งกันเยอะมาก
มีแบบยืนรออยู่ที่ร้านด้วย
เห็นเมนูแล้วอึ้ง
ข้าวไข่เจียว
ข้าวไข่เจียวหมูสับ
ข้าวไข่ชะอม
ไข่ชะอม!!
ถูกต้องแล้ว ไข่ชะอม
ถ้ามีน้ำพริกกะปิ ผักลวกด้วย ก็เข้าท่าเลย
แต่ด้วยความที่ยังไม่หิว (เท่าไหร่) ก็เลยไม่ได้ลิ้มลองเลย
จากนั้นก็เดินผ่านมิวเซียมสยาม มาจนถึงท่าเตียน
ระหว่างทางที่เดินมานี้
ก็เห็นพระปรางค์วัดอรุณ เปิดไฟสวย เป็นระยะ
จุดหมายที่คิดไว้ก็คือ
เดินเข้าไปยังท่าเตียนเพื่อถ่ายรูปวัดอรุณสักแป้บ
แต่ปรากฏว่า
วันนี้ มีงาน “สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง”
ที่เขียนเอาไว้ในเอนทรี
Pre Loikrathong festival (2)
ซึ่งงานมีระหว่างวันที่ 8-12 พ.ย. นี้
มีเรือ ประดับไฟ มากมาย ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา
ตั้งแต่สะพานกรุงเทพ – สะพานกรุงธน
ก็เลยลงไปนั่งที่โป๊ะ ถ่ายรูปเรือไปเรื่อย
ตอนแรกมีตากล้องกันอยู่แค่ 3 คน
ตอนสองทุ่มกว่า โป๊ะนี้ ก็มีตากล้องแบกของกันมาเยอะเลย
ทั้งขาตั้งกล้อง, แฟลช, สารพัดเลนส์
เออ.. บังเอิญเดินเล่นๆ
ดันมางาน โดยไม่ได้ตั้งใจ
ฮ่า..ฮ่า
ถ่ายรูปมาเยอะมาก ตอนอยู่บนโป๊ะ มันก็ไม่นิ่งเป็นธรรมดา
ไม่กล้าเอารูปมาโชว์หล่ะ.. อาย
เกือบสองทุ่ม
รอจนไม่เห็นเรือมาอีกแล้ว
(ซึ่งไม่แน่ใจว่าหมดหรือยัง เพราะตามกำหนดการคือ 19.00-21.00 น.)
ก็เลยเก็บกล้อง กลับบ้าน
ขณะแยกย้ายกันกลับนั้น น้องลูกพรุนก็โทรมาบอกว่า
ที่สนามหลวง / ภูเขาทอง และสถานที่อื่นๆ บริเวณใกล้เคียง
จัดงานลอยกระทงกันเต็มไปหมด เหล่าตากล้องก็ตระเวนราตรีกันหล่ะ
ตอนเดินผ่านที่วัดโพธิ์ ก็มีเปิดไฟสวยงาม
เพิ่งมารู้ตอนกลับถึงบ้านแล้วว่าเข้าไปถ่ายรูปตอนดึกๆ ได้ด้วย
งาน 9 สิ่งมหัศจรรย์วัดโพธิ์
19.00-22.00 น.
มีไกด์คอยอธิบายข้อมูลต่างๆ
ค่าเข้าชม 50 บาท
ตั้งแต่วันนี้ – 6 เมษายน 2552