น้องลูกพรุนส่งรูปชิ้นส่วนความทรงจำของแมวดื้อมาให้ดู
จากซากอารยธรรม ขุมทรัยพ์ในบ้านเก่า
บัตรสัมภาระ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
แมวดื้อไม่แน่ใจว่า ใบนี้เป็นการขึ้นภูกระดึงครั้งที่เท่าไหร่ของแมวดื้อ
แต่ดูจากน้ำหนัก (7 กิโลกรัม) แล้ว น่าจะเป็นครั้งแรกๆ
ที่ยังไม่ค่อยกล้าขนอะไรไปเท่าไหร่
ถ้าเป็นตอนนี้คงขนสัมภาระไปเต็มที่
ซึ่งตรงนี้ มองได้สองแง่นะ
ถ้ามองว่าหากมีคนขนของขึ้นไปเยอะๆ ลูกหาบต้องทำงานหนัก
แต่นั่นก็เป็นรายได้ของลูกหาบเอง
หากนักท่องเที่ยวน้อย หรือจ้างลูกหาบน้อย รายได้ก็จะน้อยตามมา
ส่วนเรื่อง “น้ำหนักเกิน” อันนี้แมวดื้อเชื่อแนวคิดของลูกหาบกับการดูแลของเจ้าหน้าที่นะ
ถ้าปล่อยให้ลูกหาบ แบกสัมภาระน้ำหนักเกิน หากเกิดอุบัติเหตุหรือร่างกายบาดเจ็บ
วันรุ่งขึ้นทำงานไม่ได้ ก็ขาดรายได้นะ
ลูกหาบทุกคนรู้ลิมิตตัวเองแหละ
นึกแล้วก็อยากขึ้นภูกระดึงอีก
คนไม่เคยไปก็จะนึกไม่ออกว่าขณะเดินขึ้น หรือจุดชมวิวต่างๆ ข้างบนเป็นยังไง
คนเคยไป หากรักสบายนิดนึง หรือสุขภาพไม่แข็งแรง ก็อาจขอขึ้นภูกระดึงครั้งเดียวพอ
แต่สำหรับอีกหลายๆ คน (รวมทั้งแมวดื้อ) รักที่จะขึ้นไปสัมผัสธรรมชาติ
เวลานั่งอยู่ริมผา ลมพัดเย็นๆ รู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก