วันนี้ติตี้กับแมวดื้อมาเดิน CTW
วาระระดับชาติอันเกิดขึ้นเป็นประจำ (แมวดื้อเชื่อว่าเกือบทุกคนเป็นเหมือนกัน)
คำวาระคำถามว่า “กินอะไรดี”
เอิ้ก…เอิ้ก
เดินขึ้นไปชั้น 6 ฝั่ง Isetan
ผ่านร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนี้บ่อยๆ ไม่ค่อยมีลูกค้าสักเท่าไหร่
เดินผ่านกี่ทีก็เห็นคนว่างตลอด ในขณะที่ Saboten คนรอคิวกันล้นทะลัก
กำลังจะเดินผ่านไปยัง Saboten อยู่แล้ว ตาเหลือบไปเห็นอะไรสักอย่างหน้าตาน่าลิ้มลอง
ณ โต๊ะริมกระจก แถมคนกินก็ไม่ได้ทำหน้าประหลาดตกใจกับรสชาติ (แย่)
ติตี้กับแมวดื้อก็เลยตัดสินใจลองลิ้มรสกันสักตั้ง
ตามสโกแกน “ถ้าไม่ลิ้มลอง แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าอร่อยหรือไม่อร่อย”

บรรยากาศร้านสีนวลออกไปทางเหลือง
แสงประมาณที่เขาบอกกันว่าทำให้คนอยากกินอาหาร
มีพัดลมอยู่ 1 ตัว ซึ่งอาจจะดูแปลกๆ ไม่เข้าพวกอยู่สักนิด
คือเปิดแอร์อยู่แล้ว ไม่ได้มีแอร์ตัวใดเสีย แต่กลับมีพัดลมบ้านๆ วางไว้ในตำแหน่งที่มันไม่ควรจะอยู่
แต่ก็พยายามแถเข้าข้างให้ว่ามันยี่ห้อ Hatari เข้ากับร้านอาหารญี่ปุ่นไง ชื่อก็ญี่ปุ่นแล้ว

:roll::roll:

เมนูอาหารของที่นี่ก็จะมีแบบสั่งเป็นจานเดี่ยว หรือสั่งเป็นชุดก็ได้
ชุด A จะรวมเครื่องดื่ม
แมวดื้อสั่งแบบชุด B ซึ่งจะมีสลัด, ขนมปังและชาเขียว
พอสั่งอาหารเรียบร้อย ก็จะมี “ของว่าง” มาให้ขบเคี้ยวกันเพลินๆ ขณะรอจานหลัก

แมวดื้อชอบนะ กรอบๆ แห้งๆ ไม่หืน ใช้ได้หมด
เอิ้ก…เอิ้ก

ติตี้ยืนยันความอร่อย

:cheergirl::cheergirl:

ชาเขียว ที่รวมอยู่ในชุด B
เข้มมาก เหมาะสำหรับคนชอบเข้มๆ
จิบด้านบนยังไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ก้นแก้วนี่สิ แทบสำลัก
ป.ล. แก้วจับยากมาก หูแก้วเล็กมาก เล็กจนกระทั่งนิ้วก้อยก็ยังแหย่เข้าไปไม่ได้

:grin::grin:

Ebi Ika Spaghetti (220 บาท)
Ebi = Shrimp
Ika = Squid
ตรงตัวมาก เอิ้ก…เอิ้ก

ส่องให้ดูกันแบบชัดๆ
ติตี้บอกว่ารสชาติจืดไป ต้องใส่วาซาบิที่ให้มาด้วย รสชาติถึงจะโอเคขึ้นมาหน่อย
แต่ก็ยังคงรสชาติกลางๆ อยู่ดี
เหมาะสำหรับเด็กน้อย

Carbonara Spaghetti (190 บาท)
จานนี้ธรรมดา ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
ไม่รู้สึกว่าหอมมากจนชวนเสพกลิ่นแบบคาโบนาราบางร้าน

ส่องให้ดูกันชัดๆ อีกรอบ
รสชาติก็กลางๆ
จริงๆ แล้วมันอาจจะเป็น “นิป-ปอง-สไต-ลึ” ก็ได้
แค่เราไม่คุ้นปาก ก็แค่นั้นเอง

:cry::cry:

ในชุด B ก็คือจ่ายเพิ่มอีก 90 บาท จะได้สลัดแบบนี้ ขนมปัง 2 แผ่น แล้วก็ชาเชียว 1 แก้ว
จริงๆ น้ำเปล่าก็แค่ขวดละ 20 บาทเองนะ ถ้าไม่ได้อยากจะเล็มของทานเล่นเหล่านี้ ก็สั่งน้ำเปล่าเหอะ ชาเขียวก็ไม่ได้เลิศหรูอะไร
ไม่ได้รีฟิลด้วย (เอ๊ะ…หรือรีฟิลแต่ไม่ยอมบอกแมวดื้อ)
ของทานเล่นรสชาติใช้ได้เลย เมื่อเทียบกับจานหลัก
ราคาโดยรวมถือว่าอยู่ในช่วงมาตรฐานร้านอาหารในห้าง ปริมาณโอเคพอสมควร แต่รสชาติอ่อนไปหน่อย
หลายเมนู “หมด” ไปแบบงงๆ เพราะดูจากเวลาแล้ว เพิ่งจะเปิดทำการไม่นาน วัตถุดิบไม่น่าจะหมดเร็วขนาดนั้น
หากมีการยกเลิกเมนู ก็น่าจะบอกเสียตั้งแต่แรกให้ชัดเจน
แมวดื้อเห็นมีเมนูของหวานน่าลิ้มลองหลายเมนูเลย เอาไว้หากได้กลับไปรีรันคงไม่พลาดของหวานแน่นอน

;-);-)


Saturday petdoC
สัปดาห์นี้มาคุยกันถึงคำถามที่ว่าทำไมแมวชอบมานอนบนเก้าอี้ โซฟา หรือเตียงของเรา
อย่างแมวดื้อเอง บ่อยครั้งที่พอลุกจากเก้าอี้ไปปุ๊บ ก็จะโดนจับจองเก้าอี๊แทนแทบจะทันที
(เล่นเก้าอี้ดนตรีกันเหรอนั่น)

 

แย่งเก้าอี้ได้ มีหน้ามาเยาะเย้ยด้วยนะ

– -“

คำอธิบายมาตรฐานยอดนิยม กล่าวถึงเรื่อง “อุณหภูมิ”
ตามธรรมชาตินั้นคุณแม่จะนอนกกลูกตั้งแต่แรกคลอด
อย่างน้อยก็ยาวไปจนถึงอายุหย่านม แต่บางตัวก็นอนกอดกันจนโตเลยก็มี
ลูกสัตว์จึงชอบอุณหภูมิอุ่นๆ นอกจากจะได้ความอบอุ่นแล้ว ยังเหมือนได้ความรักจากคุณแม่อีกด้วย
พอโตขึ้น ความชอบนี้ ไม่ได้ลดน้อยลงเลย สังเกตได้ว่า สถานที่หรือพื้นที่ที่อุณหภูมิอุ่นๆ นั้น แมวมักจะชอบไปนอน
ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุค, ไมโครเวฟ, ใกล้ๆ กาน้ำร้อน, บนโซฟา, เตียง หรือเบาะรองนั่งบนเก้าอี้ 

คำอธิบายรองลงมา แต่ก็มีผู้นำไปใช้อธิบายมากพอสมควร กล่าวถึงเรื่อง “กลิ่น”
แมวนั้นเป็นสัตว์สังคม บางครั้งเราจะเห็นแมวดมกันและกัน แนบจมูกชิดสนิทเลย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า หรือก้น
มีต่อมผลิตกลิ่นอยู่หลายต่อมในแมว หลายคนยังไม่ทราบว่าการที่แมวเอาตัวมาถูกับสิ่งของต่างๆ หรือชอบให้เราลูบไล้
ก็เพื่อเป็นการ “สร้างกลิ่น” ของตัวเอง ไปยังสิ่งของนั้นๆ (ให้กลิ่นตัวเองมาติดตัวเรานั่นเอง)
ส่วนคำอธิบายในเรื่องการนอนบนโซฟา, เก้าอี้ หรือเตียง เนื่องมาจากแมวเหล่านั้นมาสร้างกลิ่น “แสดงความเป็นเจ้าของ” ต่อสิ่งเหล่านั้น
พอเราไปใช้งานเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ มีกลิ่นเราติดที่เฟอร์นิเจอร์นั้นๆ เหล่าน้องเหมียวตัวดี ก็จะมานอนทับ เกลือกกลิ้งสร้างกลิ่นตัวเองมาทับกลิ่นของเราอยู่เรื่อยไป

สำหรับการหลีกเลี่ยง
มีคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับน้ำส้มสายชู เพราะเรา “เชื่อ” กันว่าแมวนั้นไม่ชอบ “กลิ่นเปรี้ยว”
ดังนั้น อาจะใช้อะไรก็ได้ ที่มี “กลิ่นเปรี้ยว” สเปรย์ ถู ทา ไปยังบริเวณ/สิ่งของที่ไม่อยากให้แมวไปอาศัยอยู่บริเวณนั้น
แต่น้ำส้มสายชูสามารถรับประทานได้ ถือว่ามีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง ก็เลยถูกหยิบนำมาใช้งานเพื่อการนี้
ส่วนที่ตัวแมว (เอาไว้สอนแมว) อาจใช้เป็นกระบอกฉีดน้ำ (ที่เราเรียกติดปากว่าฟ็อกกี้ฉีดผ้า) “ที่ไม่มีน้ำหรือสารใดๆ อยู่ข้างใน”
ฉีด (พ่น) ลมออกมา เพราะแมวจะไม่ชอบเสียงพ่นลมอย่างมาก
หรือจะใช้เป็นลูกยางเป่าลม ที่ใช้สำหรับเป่าฝุ่นของกล้องดิจิตอล/เลนส์มาใช้ก็ได้เช่นเดียวกัน
พ่นไปยังตัวแมว (ไกลๆ) เพื่อสอนว่าเราไม่อยากให้แมวมาใช้งานบริเวณนี้

อนึ่ง โดยส่วนตัวแมวดื้อคิดว่า แมวรักอิสระ (มาก) อยู่แล้ว ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ
แค่อุ้มออกจากที่เกิดเหตุ 2-3 ครั้ง แมวก็จะ “งอน” ไม่มายุ่งตรงนั้นอยู่แล้ว
นอกจากว่าจะไม่มีสถานที่อื่นเพื่อการพักผ่อนนอนหลับยาวๆ แบบไม่มีใครมากวน และอุณหภูมิพอเหมาะจริงๆ
เช่นตรงที่อื่น มีแมวตัวอื่นนอนอยู่ หรือมีเด็กมาคอยรบกวน มาแกล้งหรือคอยแหย่รบกวนการนอนบ่อยๆ
อันนี้น้องเหมียวก็คงวนเวียนเสาะแสวงหาสถานที่พักผ่อน
ซึ่งผู้เลี้ยง (ที่อ้างตัวเองว่ารักน้องเหมียว) คงต้องย้อนดูตัวเองว่า เราให้ความรักความเอาใจใส่ มีสถานที่สำหรับพักผ่อน ให้ความปลอดภัยแก่น้องเหมียวเพียงพอหรือไม่

^^


Yummy fridaY
สัปดาห์แมวดื้อไปหาข้อมูลร้าน “รถไฟหมี” น่ารัก..น่ารัก ที่เห็นอยู่ที่ Siam Center มาฝาก
ข้อมูลและภาพทั้งหมดมาจากเว็บไซต์
www.bkkmenu.com
เช่นเคย
แต่เป็นรีวิวเมื่อปีที่แล้ว และเป็นสาขา seenspace ทองหล่อนะ
แปะเอาไว้ก่อน จะได้เป็นไอเดียว่าร้านนี้มีธีม มีขนมอะไรน่าสนใจบ้าง

== เริ่มต้นการคัดลอก ==

Mr.Jones’ Orphanage Milk Bar
ที่ตั้ง: Seenspace ซอยสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ 13)
พิกัด: 13.733263045735079, 100.581510455542
โทร: 02-185-2378
เวลาเปิดบริการ: ทุกวันเวลา 11.00-23.00 น.
ราคาต่อท่านโดยประมาณ: 101-300 บาทต่อคน

Sweet Fairy Tale Lullaby
Mr.Jones’ Orphanage Milk Bar เป็นสถานที่ที่ทำให้รู้สึกราวกับว่าถูกดึงเข้าไปผจญภัยในดินแดนมหัศจรรย์ของนิทานก่อนนอนสมัยเด็ก เพราะทุกรายละเอียดของการตกแต่ง ตั้งแต่ม้าหมุน นาฬิกาบนหอคอยขนมหวาน บันไดสู่ห้องใต้หลังคา และตุ๊กตาหมีหลายสิบตัวที่แกว่งไกวชิงช้าอยู่อย่างสนุกสนานนั้น คือภาพจากจินตนาการวัยเด็กของใครหลายคนอย่างแน่นอน นอกจากนั้นครัวเปิดของ Mr’Jones’ Orphanage and Milk Bar ทำให้เรามองเห็นทุกขั้นตอนพิถีพิถันของเชฟขนมหวานที่กำลังร่ายมนต์สร้างสรรค์ความอร่อย ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนกับครัวในบ้าน บรรยากาศถูกปรุงแต่งให้อบอวลด้วยกลิ่นหอมของขนมอบสดใหม่

หลายคนคงรู้จักคุณ Ashley Sutton เจ้าของร้าน Iron Fairies ร้าน Clouds และร้าน Fat Gut’z แต่วันนี้คุณ Ashley Sutton จะแนะนำให้เราได้รู้จักกับร้านที่แตกต่างออกไปจากที่เขาเคยทำ ด้วยการเปิด Milk Bar ในชื่อว่า Mr.Jones’ Orphanage Milk Bar โดยได้ใช้สูตรความอร่อยจากคุณยายของเขาเอง มาสร้างสรรค์เป็นเมนูของหวานนานาชนิด ซึ่งตั้งใจให้ออกมาในรูปแบบของความอร่อยแบบโฮมเมดในบรรยากาศน่ารัก ๆ โดยใส่เสน่ห์เพิ่มเข้าไปด้วยเรื่องราวของ Teddy Bears ในบ้านเด็กกำพร้าของมิสเตอร์โจนส์ผู้ใจดี ซึ่งรอให้ทุกคนที่แวะเวียนมาลิ้มลองขนมอร่อย ๆ ได้เปิดใจรับเจ้าหมีน้อยเหล่านั้นไปอุปการะ

Enjoy Magic Desserts Recipe
We Recommend ขอเพิ่มพลังด้วยนมโฮมเมด Mr.Jones Homemade Milk มีให้เลือกทั้งรสวานิลลา ช็อกโกแลต สเปียร์มินต์ และบับเบิ้ลกัม เสิร์ฟมาพร้อมกับคุกกี้ขนาดพอดีคำ กลิ่นหอม ๆ และรสชาติหวานละมุนของนมและคุกกี้เป็นจานอร่อยที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ยากจะปฏิเสธ ลองชิมความหวานละมุนขนาดน่ารักของขนมจานต่อมาอย่าง Custard Cows Poo คัสตาร์ดเนื้อนุ่มหนึบหอมกลิ่นนม ทานคู่กับสตรอว์เบอร์รี่ลูกโตสดฉ่ำ จากนั้นลิ้มลองความเข้มข้นของขนมเนื้อฟูนุ่ม หอมกลิ่นช็อกโกแลต เต็มอิ่มด้วยรสหวานกำลังดีอย่าง Chocky Mud Pie สำหรับคนที่อยากทาน Marshmallow แบบจุใจ ต้องสั่ง Mr.Jones Marshmallow ชิ้นใหญ่ หวาน นุ่ม เข้ากันกับซอสช็อกโกแลต แล้วปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มเย็น ๆ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่เข้ากันอย่างลงตัวของช็อกโกแลตชิพส์ กล้วย และกาแฟ ออกมาเป็น Chunky Monkey เมนูเรียกที่ความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าได้เป็นอย่างดี

We Recommend เชื่อว่าหลายคนคงยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อได้รู้ว่าเด็กกำพร้าของมิสเตอร์โจนส์ที่รอให้เรารับอุปการะอยู่นั้น คือเหล่าบรรดา Teddy Bear หน้าตาน่ารักซึ่งเดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลก ที่ไม่ว่าใครเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะต้องอุ้มมากอด ถูกใจตัวไหนอยากรับไปอุปการะก็สามารถร่วมประมูลได้อีกด้วยค่ะ เมื่อเราได้รับความสุขจากเจ้า Teddy Bear แล้ว Mr.Jones’ Orphange Milk Bar ก็ช่วยส่งต่อความสุขไปยังผู้อื่น โดยรายได้จากการประมูลครึ่งหนึ่งนั้นจะถูกส่งต่อไปยังบ้านเพื่อคนพิการ Camillion Home อีกด้วยค่ะ

== สิ้นสุดการคัดลอก ==

Link: www.bkkmenu.com


วันนี้เป็นอีกวันที่แมวดื้อต้องทำงานแต่เช้าตรู่
เนื่องจากคุณลูกค้ามีธุระตอนสาย และอยากให้แมวดื้อเข้าไปฉีดยาสุนัขที่บ้านตั้งแต่เช้ามืด
สำหรับลูกค้าที่ดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างดี และเข้าใจเวลาที่คุณหมอให้ข้อมูลอะไรไป
แมวดื้อก็อยากบริการให้เต็มที่อยู่แล้ว จะนอกเวลาทำการ หรือนอกสถานที่ (ออฟฟิศ)
ผิดกับลูกค้าประเภทตรงข้าม ที่ต่อให้อยู่ในออฟฟิศแล้วจ่ายเงินล่วงเวลา ยังไม่อยากจะรักษาให้เลย
(แต่หากอยู่ที่ออฟฟิศ ก็ไม่สามารถปฏิเสธการรักษาได้นะ ตามจรรยาบรรณ)

บ่อยครั้ง ที่นาฬิกาชีวิตของเรามีการเปลี่ยนแปลง
เช่นต้องเดินทาง ตื่นก่อนเวลาปกติ ทานอาหารไม่ตามเวลา
มันก็จะส่งผลให้ระบบชีวิตรวนๆ ได้เหมือนกัน
อาการหลักที่มักจะพบกันบ่อยๆ ก็คือ “การปวดหัว”
ซึ่งอาจจะไม่ถึงขนาดปวดไมเกรน แต่บางครั้งก็ทำเอาสมองเบลอๆ ได้เช่นกัน

แมวดื้อเพิ่งผ่านตารูปนี้มาจากเฟสบุ็ค
ให้เครดิตตามรูปเลยแล้วกัน (น่าจะตรงที่สุด)

 

ข้อมูลในรูปนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
ไม่จำเป็นต้องเป็นไมเกรนก็ใช้ได้
จริงๆ มันก็เป็นข้อพึงปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือการเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ
ลองทำตามนี้กันดูนะ 


Wednesday boX
สัปดาห์นี้ แมวดื้อแนะนำซีรีส์จากฝั่งอเมริกาเรื่อง
Cult

 

หากเคยดู Prison Break ก็คงจะคลับคล้ายคลับคลา
Theodore (T-Bag) Bagwell
หนึ่งในนักโทษโรคจิตตัวหลักในการดำเนินเรื่อง
มาใน Cult ก็ได้นักแสดงคนเดียวกัน
มากระตุ้นในคนดูคิดล่วงหน้าไปกับประสบการณ์เดิม
(คนที่ไม่เคยดู prison break ก็คงจะไม่มีตรงส่วนนี้)

Cult
เป็นเรื่องราวการสืบสวนค้นหาความจริง
จากอดีตผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ชื่อดัง กับ นักวิจัยของสตูดิโอที่ผลิตทีวีซีรีส์/มูวี่เรื่อง Cult (ในทีวี)
อธิบายง่ายๆ ก็คือ ดันมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เกี่ยวโยงกับซีรีส์/มูวี่เรื่อง Cult ที่ฉายอยู่ (ในทีวี)  ตัวเอกของเราก็เลยต้องเข้าไปสืบเสาะหาข้อมูล และผจญไปกับ Cult อันหลีกเลี่ยงไม่ได้

สิ่งหนึ่งที่ Cult น่าสนใจก็คือการนำเอาซีรีส์ซ้อนเข้าไปในซีรีส์
บางฉากเป็นฉากที่ตัวละครดูทีวีอยู่ เราก็ถูกดึงเข้าไปในนั้นด้วย
บางฉาก สิ่งประกอบต่างๆ เช่น รถคาดิแลค ที่อยู่ในทีวี ก็ออกมาอยู่ในโลกความเป็นจริงด้วย

Cult
ถูกจัดเป็นซีรีส์ประเภท
Horror + Psychological Thriller
ดังนั้นจึง “ไม่เหมาะ” กับคนจิตอ่อนที่เห็นฉากโหดๆ เลือดสาด ไม่ได้
แต่ถ้าหากพอรับได้ เรื่องนี้ก็จะเป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ มีแอคชั่นให้ตื่นเต้นประปราย

Official Site
www.cwtv.com/shows/cult

 


More Posts


My Bedroom Retreat
March 18, 2013

My Bedroom Retreat

Casio Edifice fixed
March 17, 2013

Casio Edifice fixed

Flow House Bangkok
March 17, 2013

Flow House Bangkok

Coffee Alley
March 17, 2013

Coffee Alley