Aperture2 VS Lightroom2beta

วันนี้มีโอกาสทดสอบโปรแกรมตกแต่งภาพบน Mac OS X
Apple Aperture 2
Adobe Photoshop Lightroom 2 beta
ทั้งสองตัว มีประสิทธิภาพขั้นเทพมาก
เรียกว่าถ้าเข้าใจการทำงานของมันทั้งหมดนี่ สามารถควบคุมภาพได้ตามต้องการเลย
แต่ต้องเข้าใจกระบวนการ process ของมันก่อนนะ

เล่าตามแบบที่เข้าใจแล้วกัน
ไม่ได้เป็นตากล้องที่ทำงานตรงนี้เป็นอาชีพ

 

Factor I. file format
ปัจจัยนี้คือฟอร์แมตของไฟล์
ถ้าหากเราถ่ายรูปมาเป็น jpg
แบบนี้ กล้องจะทำการแปลงไฟล์ให้แล้ว ทั้งการบีบอัด และ profile สี
ไฟล์ jpg ที่ได้มา ไม่ว่าจะเข้าโปรแกรมตกแต่งของแต่ละค่าย
Canon – Digital Photo Professional (DPP)
Nikon – Capture NX
หรือโปรแกรมตกแต่งอื่นๆ อย่างเช่น Aperture, Lightroom, Photoshop หรือ GIMP
ก็ไม่สามารถปรับแต่งในระดับลึกๆ ได้
เพราะไฟล์ถูกแปลงไปแล้ว

แต่ถ้าหากเราถ่ายรูปเป็น Raw file
เราสามารถปรับแต่งในแบบที่ sensor (CCD/CMOS) มองเห็นได้

Factor II. processing
ตรงนี้เป็นเรื่องเทคนิคที่แต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน
บางคนคิดว่า retouching program คือบทสรุปสุดท้าย
แต่แมวดื้อลองคิดๆ ดูแล้ว มันอาจไม่ใช่บทสรุปเสียทีเดียว
คือถ้ารูปต้นฉบับเป็น jpg แบบนี้ ok ใช้ photoshop จัดการได้เลย
เพราะมันไปรีดคุณภาพรูปออกมาไม่ได้แล้ว
แต่ถ้าเอา Raw file ไปตกแต่งโดยตรง สิ่งที่ขาดหายไปก็คือ profile นั่นเอง
แม้ว่า Camera Raw ตัวใหม่ๆ จะสนับสนุนกล้องรุ่นใหม่อยู่ตลอดเวลา
แต่ feature ของมันนั้นหยาบมาก
การปรับแต่งที่ผิดตั้งแต่ขั้นตอนนี้ เอาไปทำ มันจะขาดๆ เกินๆ อยู่เสมอ

เปรียบเทียบขั้นตอนทำรูปก็เหมือนการทำอาหาร
raw file เหมือนเนื้อดิบ
jpg เหมือนเนื้อที่ต้มแล้ว
เวลาเราต้องการทำอาหาร เราไปซื้อเนื้อที่จัดการต้มให้แล้ว (jpg)
หากเกิดเราอยากได้ต้องการจะเอาไปผัด
เราก็ต้องไปซื้อใหม่ (ถ่ายรูปใหม่)
เพราะถ้าเอาเนื้อที่ต้มไปผัด เนื้อมันก็จะแข็ง ไม่อร่อย
แต่ถ้าหากเรามีเนื้อดิบ (raw)
เราก็สามารถเอาไปต้ม หรือเอาไปผัด ได้ตามต้องการ

 หากคิดแล้ว โปรแกรม
aperture หรือ lightroom
ก็เหมือนวิธีการที่เราจะทำเนื้อให้สุกนั่นเอง
หลังจากสุกแล้ว จะใส่เครื่องปรุง เครื่องเทศ หรือตกแต่งจานยังไง
อันนี้เป็นหน้าที่ของ photoshop อีกทีนึง

วกกลับมาเข้าเรื่อง Aperture 2 และ Lightroom 2 beta ที่ได้ทดสอบไป

Aperture 2 นั้นมีจุดเด่นในเรื่อง interface สวยหรูตามสไตล์ของ apple
เครื่องมือเครื่องไม้ดูไฮโซ อย่าง slide show นี่หรูมาก
tool ที่สนใจมากๆ ก็คือ Vibrancy ที่มันคล้ายเป็น Saturation ขั้นเทพ
และ highlight hot & cold area ที่ทำออกมาได้อย่างเก๋ไก๋
auto-tool อย่าง auto exposure หรือ auto levels ทำงานได้ดีทีเดียว
ในส่วนของการบริโภคทรัพยาการ
เครื่องที่ทดสอบใช้ iMac 17 นิ้ว Core 2 Duo RAM 2GB
เปิดโหลดบิท โหลด ftp เปิด web browser ฟังเพลงไปด้วย
ทำงานราบลื่นดีมาก
การทำงานต่างๆ กับไฟล์ raw ของ 40D ความละเอียด 10 ล้าน
ถือว่ารวดเร็วทันใจ งานอย่างอื่นก็ไม่มีการสะดุดแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม Aperture2 นั้นเป็นโปรแกรมสำหรับ “มืออาชีพ” มากกว่า “มือสมัครเล่น”
เพราะคนที่ใช้ คุณจะต้องรู้ “ทุกอย่าง” ว่าเราจะปรับยังไง ปรับค่าตรงนี้ ค่าจะเป็นแบบไหน

สำหรับ Lightroom 2 beta
ชื่อเต็มๆ ของโปรแกรมก็คือ adobe photoshop lightroom
ซึ่งจะเห็นได้ว่ามันคือ photoshop ด้วย
ดังนั้นการทำงานร่วมกับ adobe photoshop หรือ adobe photoshop extend
สามารถโยนไปโยนมาได้ง่าย เช่นเดียวกับเวลาที่เราใช้งาน illustrator ร่วมกับ photoshop
ในข้อนี้ aperture ยังเป็นผู้ตามอยู่
จุดเด่นของ lightroom 2 beta ก็คือ ความละเอียดในการปรับแต่ง
tool Vibrance ของ lightroom ก็ทรงพลังเช่นเดียวกัน
ในส่วนของ Quick Develop ปรับค่าต่างๆ อย่างละเอียดได้ง่าย สำหรับมือใหม่
หากใช้ Develop panel ก็จะสามารถเล่นอะไรได้เยอะมาก
โดยจะเก็บค่าต่างๆ ไว้เป็น preset ใช้ภายหลังก็ย่อมได้
แต่ในส่วนของ slideshow, print และ web นั้นยังไม่ค่อยถูกใจเท่าใดนัก
เรียกว่า ความไฮโซยังเป็นรอง aperture อยู่ ตรงส่วนนี้
มาในแง่ของการบริโภคทรัพยากร
ด้วยสิ่งแวดล้อมเดียวกันกับการทดสอบ aperture พบว่า
การตกแต่งรูปนั้น lightroom ในเวอร์ชันใหม่ ทำงานรวดเร็วกว่าเวอร์ชันเดิมเยอะทีเดียว
แต่การ export ทำได้ค่อนข้างช้า
และไฟล์ที่ได้ หากเปรียบเทียบกับ aperture
export จากไฟล์ raw เดียวกัน
ไฟล์ที่ได้จาก lightroom มีขนาดใหญ่กว่า aperture อย่างเห็นได้ชัด

จากการทดสอบ ก็เลยนำรูปน้องแป้งที่เพิ่งถ่ายไปเมื่อวานมาใช้ 😉
ขั้นตอน
Canon 40D raw file -> ปรับ color ใน aperture2 -> ปรับ exposure ใน lightroom
ขั้นตอนเหล่านี้ ไฟล์ยังคงเป็น raw อยู่เช่นเดิม
จากนั้น retouch ด้วย photoshop โดยการ send file to edit with photoshop CS3 จาก lightroom
ซึ่งไฟล์ที่แก้ไขบน photoshop เป็น tiff จากนั้นเซฟเฉยๆ
รูปที่ได้รับการ retouch จะกลับขึ้นไปยัง lightroom
แล้วค่อยใช้ lightroom export with resize เป็น jpg สุดท้าย
คุณภาพรูปถือว่ายังคงดีอยู่มาก
แทบไม่เสียคุณภาพจากการเซฟเลย
ไม่รู้ว่าตากล้องมืออาชีพเค้าทำกันขนาดนี้หรือเปล่า
ไม่รู้คนไทยทำไหม แต่ที่แน่ๆ scott kelby เค้าทำ เพราะอ่านจากหนังสือเค้าเลย
ฮ่า..ฮ่า
แปะรูปไว้รูปเดียว
ขี้เกียจทำหล่ะ 😛

ทำเล่นๆ ขำๆ
มิอาจไปเทียบกับมืออาชีพอย่างหวานใจได้
ส่งรูปให้ดู
no comment เลย
เข้าใจว่า ไม่กล้าคอมเม้นท์ ให้หักหาญน้ำใจ
😛