ช่วงนี้ชอบไปดูรูปคนอื่น
ตาม multiply, flickr หรือ photo gallery ตามเว็บต่างๆ
สิ่งหนึ่งที่เห็นก็คือนิสัยของตากล้องหลายๆ คน
เอา..จำนวนเข้าว่า
มุมมอง เทคนิคในการถ่ายรูป อาจจะ ok
แต่สิ่งที่แสดงผลออกมา มันไม่น่าดูเอาเสียเลย
แมวดื้อไม่ได้เก่งกาจเป็นนักวิจารณ์ที่บอกว่ารูปไหนดี.. ไม่ดี
ไม่รู้ทฤษฏีศิลป์ ที่เค้าต้องเรียนกันเป็นปีๆ ในมหาวิทยาลัย
มีแค่อย่างเดียว “ชอบ” หรือ “ไม่ชอบ” แค่นั้น
แต่ดูหลายๆ รูป แล้วก็ขัดใจ ฮ่า..ฮ่า
คือมันขาดการ “Process”
กล้องอาจจะแพงเป็นแสน แต่ถ้า process ไม่เป็น ทำออกมาไม่ดี
ก็ไม่แตกต่างกับกล้อง compact (บางทีแย่กว่าด้วยซ้ำ)
เข้าใจเลย สมัยก่อนใช้กล้องฟิล์ม มันเก๋ากว่าตรงไหน
คือนอกจากเทคนิคในการถ่ายแล้ว ก็ต้องอยู่ที่ process ในห้องมืดอีกด้วย
ถ่ายออกมาก็ไม่เห็น ต้องเอาฟิล์มไปล้างก่อน
ไม่ดี ก็ต้องไปถ่ายแก้มือกันใหม่
พอมาถึงยุคดิจิตอล มองเห็นภาพได้เลย
เสียก็ถ่ายซ่อมตรงนั้นเลย
แต่ในส่วน process กลับแย่ลงทุกวัน
เดี๋ยวนี้ เอะอะ.. ก็ใส่ actions
ทำไปทีเดียว 30-50 รูป
ซึ่ง.. มันไม่สวยอ่ะ
ไปเจอรูปจากเว็บแห่งหนึ่ง
ที่เค้าบอกกันว่า “สุดยอด”
เออ.. มันสวยตรงไหนฟร่ะ
สีซีดๆ white balance ผิด เส้นขอบฟ้าเอียง ฯลฯ
จริงๆ สิ่งเหล่านี้ มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนถ่ายเลย
ซึ่งหากใช้กล้องดิจิตอลแล้ว ก็แค่ถ่ายใหม่ ทันทีที่เห็นจาก LCD ได้
แต่ก็ไม่ทำ
พอมา process ก็ไม่แก้อีก
– -”
Adobe Photoshop
ถูกกล่าวหาว่าเป็นโปรแกรมแก้รูป
คือแก้ไขไปทุกสิ่ง
ลบร่องรอยบนใบหน้า ลบสิว เปลี่ยนสีตา สีผม ทำอึ๋ม อะไรพวกนี้
ซึ่งมันคือจินตนาการของผู้ตกแต่ง (จะจงใจหรือไม่ก็ตาม)
แต่มองในอีกแง่ Phtotoshop มันก็สามารถแก้ไขรูป ในแบบที่ควรจะเป็น
เช่นแก้เส้นขอบฟ้าเอียง, ปรับ contrast, แก้ไข white balance หรืออื่นๆ
สิ่งเหล่านี้ สำคัญกว่าการไปนั่งทำหน้าเนียน ลบรอยเสียอีก
นอกจากนี้ photoshop ยังสร้างสรรภาพให้ดึงความสนใจได้ด้วย
ยกตัวอย่างเช่น
จากรูปธรรมดา ปรับโทนสี ใส่ฟอนต์เข้าไป
ดึงอารมณ์ร่วมคนดูได้เป็นอย่างดี
มีเว็บแนะนำเทคนิคการตกแต่ง และแก้ไขรูปมาฝาก
ต้องเรียกว่าแนะนำ
เพราะรูปแต่ละรูปไม่เหมือนกัน ขืนไปใส่ค่าต่างๆ ตามเค้า
รูปเราอาจเละได้ ต้องหัดทำ หัดสังเกตความเปลี่ยนแปลง
ตอนนี้ก็ฝึกแก้รูปไปก่อน ยังไม่มีไอเดียแบบหวานใจ
ที่ใส่กราฟฟิคเข้าไป ใส่ style ใส่ pattern เข้าไป