ไปลองมาแล้ว: Haru

สัปดาห์นี้มีรูปหลายเซต ต้องแบ่งลงเป็นหลายเอนทรี
มาว่ากันด้วย “แกงค์ปากมัน” ของเรา
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
เนื่องจากรูปเยอะ ไปลุยกันเลย

เริ่มจากมื้อเช้า
ไปถึงสวนรถไฟ ก็โจ้ ข้าวหน้าเป็ด ต้มเลือดหมูกันก่อนเลย
แต่ด้วยความที่หิวแต่เช้า เลยไม่ถ่ายรูปอะไรทั้งนั้น ฮ่า..ฮ่า
ต่อกันกับมื้อสาย
ปั่นจักรยานอยู่ดีๆ พี่เสือก็โทรหา บอกว่านั่งอยู่ที่ร้านฐิตารีย์
ก็เลยได้ซัดของว่าง ทั้งที่ยังย่อยมื้อเช้าไม่นานนัก


ไส้กรอกทอด และมินิสลัด


น้ำสตอเบอรี่


เฟรนฟรายด์ (สั่งให้ดูเป็นของว่าง แต่กินเยอะๆ ก็หนักได้เหมือนกัน)


กาแฟปั่น มิ้นอะไรสักอย่าง ลืมชื่อไปหล่ะ

หลังจากนั้นไปถ่ายรูปอีกชั่วโมงกว่าๆ ก็กลับมาที่ร้านฐิตารีย์อีกครั้ง
-*-
นั่งตากแอร์ สั่งมื้อเที่ยงทันที


สารพัดน้ำ


ข้าวผัดรถไฟ

ที่จริงมีอีกจาน เป็นข้าวไข่เจียวกุ้งสับ ที่เรียกว่า เยอะมาก กินไม่หมดอีกต่างหาก
รูปอยู่ที่น้องลูกพรุน หุหุ

จากนั้นก็ไปเตร็ดเตร่ที่เซนทรัลเวิร์ด และพารากอน
ไปทำไมหน่ะหรือ เอาไว้เอนทรีหน้าแล้วกัน มีรูปอีกชุด 😛

ตอนเย็น
ก็ได้เวลาไปปากมันกันอีกแล้ว
โดยที่ยังไม่ทันจะย่อยดี เรียกว่าตึงๆ ตลอด
ก็พาแกงค์สะเต้อมาถึงซอยทองหล่อจนได้
จุดหมายของเรา ร้าน Haru
ไปยังไง อ่านเอนทรี คอลัมน์ yummy วันศุกร์ที่ผ่านมาเน้อ

หลังจากที่เดินตามคำบอกเล่าแม่ค้า
ว่าให้เดินไปถึงโค้ง เจอ Top supermarket ไม่ไกล
(ที่จริง เดินไปตั้งหลายโค้ง)
เราก็มาถึงตึกอเนกวานิช ที่อยู่ระหว่างซอยทองหล่อ 4 กับ 6
สรุปง่ายๆ ถ้าไม่ไปตอนกลางวัน แดดเปรี้ยงๆ ก็เดินได้ ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าแดดแรง ขึ้นรถแดงดีกว่า เหอเหอ

พอเข้าไปในร้าน เราก็ถูกจูงจมูกมายังโต๊ะใหญ่ ติดกระจก
มีแนะนำอาหารชุดราคาโหดของทางร้าน
ดีนะ ที่ไม่มีใครสนใจ เพราะว่า ฟังจากชื่อ แล้วไปกินที่ร้านประจำ น่าจะถูกกว่า
หลังจากสมาชิกแกงค์สั่งอาหารกันครบเรียบร้อย ก็ไปลุยไลน์บุฟเฟ่ต์กันเลย
โดยต้องอธิบายกันแบบนี้ก่อน
คือว่า ที่นี่ จะมีอาหารจากหลักอยู่ ราคาก็ตั้งแต่ร้อยกว่าๆ ไปจนหลายร้อย
หากจ่ายเพิ่ม 70 บาท ก็จะได้ไลน์บุฟเฟ่ต์กันด้วย
จากข้อมูลของ manager online พวกเราก็เลยตัดสินใจลองกัน
ร้านนี้เพิ่งเปิดมาได้ 2-3 เดือน ดีไม่ดี เดี๋ยวได้รู้กัน
ไม่เขียนบรรยายเยอะแล้วกัน ไปตามรูปเลย


สลัดของแมวดื้อ (จากไลน์บุฟเฟ่ต์)
ผลไม้โดยรวม ก็สดดี น้ำสลัดมีให้เลือกพอสมควร
มีผัก ผลไม้ เส้นพาสต้า ซุป คล้ายที่ซิสเลอร์
แต่ที่ซิสเลอร์มีความหลากหลาย แล้วก็ปริมาณเยอะกว่าอย่างเห็นได้ชัด


ซุปอิตาเลียน
แมวดื้อ ทดลองเอามาชิม น้ำซุปลอยๆ คือมันไม่เข้มข้น
ไม่รู้ว่าเป็นอย่างนี้หรือเปล่า ไม่เคยกินแบบนี้
จะว่าคล้ายต้มยำบ้านเรา ก็ไม่เชิง
รสชาดกลางๆ ใส่เนื้อไก่มาด้วย นิ่มกำลังดี ไม่เละจนเกินไป


เครื่องดื่มมีให้เลือกหลายอย่าง ทั้งน้ำอัดลม และน้ำผลไม้
พวกเรา เลือกที่จะสั่งชาเขียว ที่เติมฟรีไม่อั้นกันแทน
ที่เห็นไกลๆ นั่นคือซุปผักขม ที่หวานใจ เอามาลอง
เห็นว่าถูกใจ 😉


ไลน์บุฟเฟ่ต์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่
ที่จะมีข้าวปั้นหน้าต่างๆ คอยเติมตลอด
แต่จากที่ได้ชิม
สรุปว่า “ไม่ผ่าน” เหอเหอ


ช่วงนี้ เป็นช่วงโปรโมตร้าน เพราะเพิ่งเปิด
หากใครเอาโบรชัวร์ของทางร้านไป
จะได้ชุดนี้ 1 ชุด ต่อ 2 ที่
เราไปกัน 4 คน ก็เลยได้มา 2 ชุด
แซลมอนเวิร์คมาก ละลายในปากเลย
หั่นตามไลน์เนื้อปลา ไม่ต้องเคี้ยว ทาวาซาบิลงไป
โอ้ย.. น้ำลายไหล ฮ่า..ฮ่า


พาสต้าไข่ปลาเมนไตโกะ (230 บาท)
จานหลัก จานแรกของโต๊ะ
จานนี้เป็นจานที่พวกเราลงความเห็นว่า “ไม่ผ่าน”
ด้วยเหตุที่ว่า เส้นแข็งเกินไป แม้ว่าจะหอมชีส แต่ว่ากินไปนานแล้วเลี่ยน
วิธีที่พวกเราหาทางกำจัดมันลงกระเพาะ ก็คือใส่พริกป่นลงไป
ลดความเลี่ยนได้เป็นอย่างดี
ใครไปกิน ไม่แนะนำให้สั่งโดยเด็ดขาด


ให้ดูรูปกันอีกที สั่งเป็นชุด ก็จะมีเครื่องเคียงคือ กิมจิ ซุปมิโซะ และเต้าหู้ ด้วย


กุ้งทอดราดซอสเผ็ด (200 บาท)
ชุดนี้ของหวานใจ กุ้งทอดกรอบ ไม่อมน้ำมัน (สักเท่าไหร่) กับซอสเผ็ด ดูจะเข้ากันมากที่สุด
ชุดนี้ถือว่าผ่าน กินได้สบายๆ เรื่อยๆ


แซลมอนย่างซีอิ้ว (180 บาท)
ชุดนี้ของแมวดื้อ เหตุที่เลือกคือ เมนูเบสิค น่าจะวัดรสชาดได้ส่วนนึง
คือถ้าเมนูง่ายๆ ยังทำไม่อร่อย ก็คงไม่มีเมนูอื่นให้เราเลือกแล้วหล่ะ
เนื้อปลาแซลมอนแน่นกำลังดี ไม่แข็งแบบบางที่ แต่ก็ไม่ได้นิ่มตามแบบร้านหรู
ถือว่ากินได้ ตินิดนึงตรงที่ หนังเค็มไปหน่อย แต่โดยรวมถือว่าผ่าน


มาถึงตอนนี้ โต๊ะของเรา ก็มีของวางกันเต็มไปหมด
ดังที่เห็นนั่นแล
น้องเนเน่ เพื่อนน้องลูกพรุน โดนหลอกให้มาชิมกับแกงค์ปากมัน
ขอต้อนรับสมาชิกใหม่ อิอิ

เอ่อ… อีกจานรูปหาย
หายไปไหนหว่า
ปลาซาบะย่างซีอิ้ว (150 บาท)
ของน้องลูกพรุน
สงสัยเริ่มกิน เลยไม่ได้ถ่ายรูป เพราะมาเป็นจานสุดท้าย 😛
รสชาดปลาซาบะ เรียกว่าพื้นๆ ตามสไตล์ซาบะ
เนื้อมันจะมันๆ ไม่แห้งแบบตามซุปเปอร์ แต่ไม่ถึงกับเยิ้มนะ
ย่างซีอิ้วเหมือนแซลมอน แต่เค็มน้อยกว่า
ถือว่าจานนี้ผ่านอีกเช่นเดียวกัน

หลังจากนั้น พวกเราก็ทำการระเบิดอาหาร ที่อยู่ตรงหน้าจนหมดสิ้น
พนักงาน ก็บริการใช้ได้ คอยเติมน้ำ และเก็บจานที่ไม่ใช้แล้ว ให้ตลอด
แล้วก็มาถึงของหวาน


หวานใจอาศัยความไว
ลุยของคาว ด้วยความคล่องแคล่ว ต่อด้วยของหวานทันที
ช๊อคโกแลตฟองดูว์ ที่มีผลไม้ให้เลือกจุ่ม เลือกราด กันได้เต็มที่


หากไม่เลือกผลไม้ จะเอาเยลลี่ หรือแคกเกอร์ก็พอไหว

สรุปค่าเสียหายกันก่อน
กุ้งทอดราดซอสเผ็ด 200 บาท
พาสต้าไข่ปลาเมนไตโกะ 230 บาท
แซลมอนย่างซีอิ้ว 180 บาท
ปลาซาบะย่างซีอิ้ว 150 บาท
เพิ่มเป็นอาหารชุด (ฟรีไลน์บุฟเฟ่ต์) x4 280 บาท

ยอดรวม 1040 บาท
Service charge 10%
Discount: F&B 10% – อันนี้ไม่รู้เฉพาะช่วงนี้หรือเปล่า
หักลบไปกับ service charge เลยไม่ต้องจ่าย
vat 7% (รวมอยู่ในค่าอาหารแล้ว)

ทั้งหมดต้องจ่าย 1040 บาท
หาร 4 แล้ว ตกคนละ 255 บาท
ถามว่าโอไหม ก็ถือว่าโอในระดับหนึ่ง
หากไปกินซิสเลอร์ ราคานี้ก็ยังไม่รวมน้ำ แล้วยังเน้นอาหารฝรั่งเป็นหลัก
หากใครต้องการอาหาร (จากหลัก) ที่มีให้เลือกหลายประเภท
Haru ก็ยังเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
แต่หากมองย้อนไปถึงเมนูที่สั่งกัน
หากไปนั่งกินคนเดียว สั่ง พาสต้าไข่ปลาเมนไตโกะ 230 บาท
บวกค่าอาหารชุด (รวมบุฟเฟ่ต์) รวมไปแล้ว 300 บาท
กับรสชาดที่อาจไม่ถูกใจ แบบนั้นก็อาจคิดไปกินอย่างอื่นดีกว่า เหอ..เหอ

สรุปวันนี้ เข้าไปนั่งกินตั้งแต่แดดเปรี้ยง
กลับออกมา ฟ้ามืดซะแล้ว
อิ่มจนแทบเดินไม่ไหว แต่ก็ยังมองของกินตลอดทางที่ออกจากซอยทองหล่อ
ฮ่า..ฮ่า