– ต่อจากตอนที่แล้ว –
เนื่องจากเห็นว่ามีรูปจำนวนมาก
เลยขอรวมไว้เป็นชุดๆ ก็แล้วกันนะ
หุ..หุ
จากตอนที่แล้ว
รถไฟก็ได้ออกเดินทาง
ดูท่าทางสมาชิกแก๊ง
จะตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
กดชัตเตอร์กันไปเรื่อย
ข้างทางที่รถไฟผ่าน
ก็มีเรื่องราวชีวิตมากมาย
เป็นที่น่าสนใจ
สำหรับมนุษย์ออฟฟิศอย่างพวกเราเสียจริง
ท่ามกลางสถานีรถไฟใหญ่ และใหม่
อันจะเป็นสถานีที่จะเชื่อมต่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ
ก็มีชุมชนอยู่มากมาย
มีสังคมที่อยู่กันอย่างพอเพียง
เด็กๆ เล่นกันไปตามประสา
โตขึ้นมาหน่อยก็ตกปลาริมบึง
ดูคล้ายเวลาเดินช้าลง
พอจะผ่านสถานีใหญ่ๆ
ก็เริ่มมีผู้โดยสารมากขึ้น
ขนาดยังไม่ออกจากกรุงเทพเลย
ก็มีผู้โดยสารยืนกันแล้ว
พวกเราก็เม้าท์ๆ
ตะโกนคุยกันไปเรื่อย
ยังไม่ทันไร
ท่านแม่ก็ถามว่าลงสถานีไหน
เพราะถึงสถานีฉะเชิงเทราแล้ว
(แต่รถไฟวิ่งไปต่อ ปลายทางกบินทร์บุรี)
รีบเก็บของวิ่งลงจากรถไฟกันทันที
เมื่อตอนออกจากสถานีหัวลำโพง
ท้องฟ้าสว่าง แดดเริ่มร้อน
แต่พอมาถึงฉะเชิงเทรา
ท้องฟ้าขะมุกขมัว
มีเมฆดำให้ได้ลุ้นว่าจะตกตอนนี้หรือเปล่า
แวะเข้าห้องน้ำห้องท่ากันให้เรียบร้อย
ก่อนเดินทางต่อ
จุดหมาย “ตลาดบ้านใหม่”
หากอ่านข้อมูลตามเว็บไซต์
เมื่อเดินทางมาถึงฉะเชิงเทราแล้ว
จะเดินทางแบบนี้
สถานีรถไฟฉะเชิงเทรา -> วัดโสธรวรารามวรวิหาร
(เดินทางโดยรถโดยสาร)
ไหว้พระ ทำบุญเรียบร้อยแล้วก็เดินทางต่อ
วัดโสธรวรารามวรวิหาร -> ตลาดบ้านใหม่
(เดินทางโดยเรือ ล่องแม่น้ำบางกะปง)
จากนั้นก็นั่งรถโดยสารกลับมายังสถานีรถไฟฉะเชิงเทรา
แต่แมวดื้อคิดว่า
หากเดินทางแบบนั้น
ก็จะถึงตลาดบ้านใหม่ ช่วงเที่ยง
ซึ่งคนน่าจะเยอะ
ก็เลยคุยกับสมาชิกแก๊งว่า
จะไปกันที่ตลาดบ้านใหม่ก่อน
นั่งร้านกาแฟกันตอนเช้า ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
พอขึ้นรถสองแถวได้
(ค่าโดยสารคนละ 8 บาท)
ฝนก็ตกลงมาทันที
สมาชิกก็เลยต้องเก็บกล้องที่คล้องคอกันหมด
พอลงจากรถสองแถว
ก็วิ่งข้ามถนนเข้าตลาดบ้านใหม่
เมื่อเราอยู่ในตลาดบ้านใหม่ ก็จะไม่เปียกฝน
เพราะจะมีผ้าใบหรือหลังคา ให้เดินกันได้อย่างสบาย
เนื่องจากฝนตก
แสงขะมุกขมัว
ไม่มีแดด
ก็เลยไม่มีการถ่ายรูปกัน ณ ขณะนั้น
แต่ซื้อของ (กิน) กันเต็มไปหมด
เดินเรื่อยกันจนมาถึงหน้าร้าน
“ร้านจุกดี”
แมวดื้อที่หาข้อมูลมาแล้ว
ก็เดินนำเข้าร้านนี้ทันที
ซึ่งขอบอกว่า
“แนะนำ.. อย่าให้พลาด”
เลยทีเดียว
ร้านนี้เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ
ซึ่งหากินได้ยากมากในกทม
ถ้าเดินมาถึง
เห็นหม้อต้มใหญ่ๆ แบบนี้
แวะเข้าไปข้างในได้เลย
เนื่องจากเริ่มหิวแล้ว
ไม่ค่อยอยากจะหยิบกล้อง D-SLR
ก็เลยขอใช้ไอโฟนถ่ายในร้านนี้แล้วกันนะ
ร้านนี้ถึงแม้จะบอกว่าขายก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ
แต่ก็มีเมนูข้าวให้เลือกอร่อยกันด้วย
เมนูข้าวทั้งสี่
น่ากินทั้งนั้นเลย
ราคาไม่แพงด้วย
อันนี้เมนูสำหรับก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ
ที่จะมีน้องๆ พนักงานคอยให้ข้อมูลอยู่
ว่าแต่ละเมนูจะสั่งยังไง กินยังไง ลักษณะออกมาแบบไหน
เพราะถ้ามากันหลายคน
เขียนใส่กระดาษ (ติ้กเป็นช่องๆ) อาจจะงงกันได้
หลังจากงงกับเมนูละลานตากันไปแล้ว
พวกเราก็เริ่มทยอยสั่งอาหารกัน
เริ่มจากน้ำกันก่อน
น้ำดอกไม้ สมุนไพร
กินหอม สีสันสดใส
ข้าวหน้าไก่กอและ
ข้าวน้ำพริกลงเรือ
เมนูข้าวจะมาพร้อมกับซุปแบบนี้
การสั่งก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ
ก็สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นชุด 5 ชิ้น 10 ชิ้น หรือ 14 ชิ้น
ซึ่งจะมีให้เลือกไส้ทั้งหมด 14 ไส้
แมวดื้อสั่งก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ชุด 5 ชิ้น กับซุปต้มเลือดหมู
หวานใจสั่งก๋วยเตี๋ยวปากหม้อชุด 10 ชิ้น กับซุปต้มกระดูกหมู
มาดูซุปที่กินกับก๋วยเตี๋ยวปากหม้อกันอีกที
ซึ่งจริงๆ แล้ว หากใครต้องการกินแบบแห้ง
ก็ไม่ต้องสั่งซุปก็ได้
แต่พวกเราแก๊งปากมัน ก็สั่งมาลิ้มลองกันเกือบทุกแบบ
ซุปต้มเลือดหมู
ซุปกระดูกหมู
ซุปลูกชิ้นน้ำใส
จากที่ซัดโฮกกัน 4 คน
แมวดื้อ – หวานใจ – น้องลูกพรุน – ท่านแม่
นอกจากที่มีรูป
ก็มีข้าวผัดน้ำพริกลงเรือของท่านแม่
ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อชุดใหญ่ของน้องลูกพรุน
และน้ำเปล่า
เบ็ดเสร็จ เสียค่าเสียหาย 225 บาท
โอ้ว.. บร๊ะจ้าว
อิ่ม อร่อย กันจนแน่น
ราคาแค่นี้
ปิดท้ายเอนทรีนี้
ด้วยขนมถ้วย ที่ซื้อติดมือมาตั้งแต่ตอนเดินเข้าตลาดบ้านใหม่มา
ซึ่งทุกคนลงความเห็นว่า
“เนื้อเนียน”
อร่อยมาก
พอกินกันเรียบร้อย
ก็ได้มีโอกาสคุยกับเจ้าของร้าน
ที่ขมักเขม่นทำก๋วยเตี๋ยวปากหม้ออยู่
ท่านแม่ถามว่า ชื่อ” จุกดี” มาจากไหน
หมายถึง กินแล้ว “จุก” “ดี” หรือเปล่า
ก็ได้รับคำตอบว่า
ชื่อร้านมาจากชื่อ บิดา – มารดา ของเจ้าของร้าน
แหม.. รู้สึกถึงแนวคิดของคนเก่าแก่
ที่ใช้ชื่อบิดา – มารดา มาใช้ตั้งชื่อต่างๆ
นอกจากจะแสดงถึงความกตัญญูแล้ว
บางครั้ง ยังนำเอาชื่อเสียง บารมี
ของบิดา – มารดา มาใช้
ทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย
เจ้าของร้าน และพนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส
(ดูเหมือนจะเป็นลักษณะของคนที่นี่เลยก็ว่าได้)
ใจดีให้คำแนะนำ และเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง
ลป (ลืมไป)
โต๊ะท้ายร้านจะหันหน้าออกสู่แม่น้ำบางปะกง
อิ่ม อร่อยไป นั่งชมวิวทิวทรรศน์ไป
– โปรดรอติดตามตอนต่อไป –